องค์การอนามัยโลก ให้นิยามภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนไว้ว่าเป็นภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกายเกินปกติ จนเป็นปัจจัยเสี่ยง หรือเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ โดยเมื่อวัดจากค่าดัชนีมวลกายซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูง ถ้าพบว่ามีค่าตั้งแต่ 25 ขึ้นไป เรียกว่า “น้ำหนักตัวเกิน” แต่ถ้ามีค่ามากกว่านั้นจะเรียกว่า “โรคอ้วน” ส่วนภาวะ “น้ำหนักตัวเกิน” และ “โรคอ้วน” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเชื้อเชิญ หรือเดินเข้าไปสู่การเป็นโรคไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคต่างๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย หรืออีกแง่มุมหนึ่งภาวะอวบอ้วนส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาทางด้านสังคมอย่างช้าๆ ทั้งกับตัวเองและครอบครัว และมักเป็นโรคซึมเศร้าในท้ายที่สุด
รูปภาพประกอบ
นพ.จีรวัส ศิลาสุวรรณ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่องกล้องในระบบทางเดินอาหาร รพ.พญาไท 2 กล่าวว่า ภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนในปัจจุบันจัดเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก เพราะประชากรทั่วโลกรวมทั้งในคนไทยมีปัญหาน้ำหนักตัวเกินและเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นทั้งปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุสำคัญของโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพ และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมาก แต่อัตราเสียชีวิตก็ยังคงสูงต่อเนื่องอีกด้วย
นพ.จีรวัส ศิลาสุวรรณ
"วิธีการที่ดีที่สุดของการลดน้ำหนักหนีโรคอ้วนก็คือ ต้องลดปริมาณพลังงานที่บริโภค ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และทุกมื้ออาหารควรมีผักผลไม้เสมอ เพราะอาหารสองประเภทนี้นอกจากให้วิตามินและเกลือแร่ ยังให้ใยอาหารซึ่งทำให้ท้องไม่ผูก และมีความรู้สึกอิ่มไม่หิวบ่อย จึงทำให้น้ำหนักที่เกินอยู่ลดลง แต่่ไม่แนะนำให้ลดน้ำหนักโดยวิธีอดอาหาร เพราะจะมีผลเสีย มากกว่าผลดี การลดน้ำหนักจะได้ผลดีมากขึ้นก็ต่อเมื่อเราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน บวกกับการควบคุมอาหาร ทั้งนี้ยังมีวิธีหนึ่งที่สามารถลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไร้การผ่าตัดและได้ผลด้วย คือ การทำแกสตริกบอลลูน เป็นการใส่บอลลูนบรรจุสารน้ำเข้าส่งไปในกระเพาะอาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนัก ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและอิ่มนานกว่าเดิม ร่างกายจะนำไขมันส่วนเกินออกมาใช้เป็นพลังงานแทน ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 27 ประกอบกับลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล และมีน้ำหนักเกินจนเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากเหตุผลเรื่องความมั่นใจในรูปร่างและบุคลิกภาพที่ดีแล้ว การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธียังช่วยชะลอความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่มีผลมาจากความอ้วน ท้ายที่สุดเมื่อลดน้ำหนักได้ถึงจุดที่พึงพอใจแล้ว สามารถเอาน้ำที่อยู่ในบอลลูนออกได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะใส่บอลลูนไว้ประมาณ 6-12 เดือน" นพ.จีรวัสย้ำ
รูปภาพประกอบ