สิ่งที่เราใช้อยู่เป็นประจำก็มีสารอันตรายหรือเนี้ย???
การดูแลผิวหนังให้สะอาดและมีสุขภาพดีในทุกๆ วัน เป็นสิ่งจำเป็น แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันมีสารเคมีมากมายหลายชนิด ถูกใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จำหน่ายในเมืองไทย ซึ่งบางครั้งจะก่อให้เกิดอาการแพ้และมีสารระคายเคืองตกค้าง อาจได้รับสารเคมีบางอย่างแทรกซึมเข้าร่างกาย ผ่านเกราะป้องกันอย่างผิวพรรณไปโดยไม่รู้ตัว
พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเด็ก เผยว่า ผิวหนังเปรียบเสมือนกำแพงด่านหน้าที่คอยปกป้องร่างกายจากภายนอกรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ยิ่งใน เด็กทารกการยึดติดกันของเซลล์ยังไม่แข็งแรงมาก ทำให้ผิวหนังเกิดตุ่มน้ำได้ง่าย และมีโอกาสติดเชื้อได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ จนเมื่อโตขึ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยรอบด้าน ในการดูแลป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายตัวเองได้ง่าย อาทิ สร้างสภาวะการเป็นกรดของผิวหนังที่พอดี ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหรือกระทั่งแบคทีเรียประจำถิ่นซึ่งคอยยับยั้งแบคทีเรียกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรค ฯลฯ กระนั้นก็ใช่ว่ากำแพงผิวจะแข็งแกร่งเสมอไป ตราบที่ยังนำพาสารเคมีต่างๆ ให้แทรกซึมเข้าร่างกายในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบประทินผิวหรือรักษา ฉะนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือรู้เท่าทันจะได้ป้องกันได้
พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ
"สำหรับ 4 สารที่ควรเฝ้าระวังและอาจก่อให้เกิดอันตราย อย่างแรกคือ โซเดียมลอริลซัลเฟต เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรกและคราบไขมันหลุดออกได้ง่าย ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด เช่น สบู่ แชมพู ครีมล้างหน้า และยาสีฟัน จากการวิจัยพบว่าหากความเข้มข้นของสารที่ใส่ในผลิตภัณฑ์มีปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่สัมผัส โดยการระคายเคืองจะเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้นด้วย ถัดมาคือ สารกลุ่มพาราเบน เป็นสารกันเสีย มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางเสียง่าย นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมโกนหนวด น้ำยาดัดผมถาวร ยาสีฟัน และยาระงับกลิ่น เนื่องจากเคยมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมและตรวจพบพาราเบนในเซลล์มะเร็ง ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของพาราเบนจะก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือไม่ เนื่องจากมีข้อถกเถียงกันถึงความปลอดภัยของพาราเบน ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารชนิดอื่นที่ผลิตจากธรรมชาติเป็นสารกันเสียแทน โดยไม่มีส่วนผสมของพาราเบน
ตัวอย่างผิวหนังที่แพ้สารเคมี
ส่วน เมทิลไอโซไทอะโซลิโนน เป็นสารกันเสีย มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ในแชมพู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมอาบน้ำ เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและผ้าเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็ก เป็นสารที่อาจทำให้เกิด การระคายเคือง เกิดการแพ้ได้ง่าย โดยกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมให้ใช้สารนี้ในความเข้มข้นที่กำหนดและให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วต้องล้างออกเท่านั้น และสุดท้ายคือ ไตรโคลซาน เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาสีฟัน เครื่องสำอาง มีฤทธิ์ช่วยลดหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหงือกอักเสบ แต่หากใช้ปริมาณที่เกินกำหนดจะทำให้เกิดพิษ มีรายงานในสัตว์ทดลองว่าทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติ มีผลกับการทำงานของหัวใจและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไตรโคซานเป็นระยะเวลานานจะมีความเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา" ผู้เชี่ยวชาญแนะ