วิกฤตการเมือง พ.ศ. 2554 นำสู่ความยุ่งยากไม่รู้จบ
โดย ว.ร. ฤทธาคนี 23 มิถุนายน 2554 17:22 น.

 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนั้น ยอมรับว่าการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2500 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเหตุการณ์ของการเมืองไทย และทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยล้าหลัง วิกฤตการเมือง พ.ศ. 2500 เกิดจากความขัดแย้งของสาวกคนสำคัญยิ่งของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กับพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ที่ผลประโยชน์ขัดกันอย่างรุนแรงทั้งนามธรรมและรูปธรรม เพราะทั้งสองคนต้องการมีอิทธิพลทางการเมืองแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อที่จะเป็นทายาททางการเมืองของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พลตำรวจเอกเผ่า สร้างอิทธิพลทางการเมืองด้วยอำนาจของรัฐตำรวจ ขณะที่ จอมพลสฤษดิ์ ใช้อิทธิพลทหาร
       
       นอกจากนี้ พลตำรวจเอกเผ่า ยังมีนักการเมืองที่แสวงประโยชน์ส่วนตัวเป็นขุมพลังอำนาจในระบบการเมือง และครอบครองแหล่งทุนจากทั้งภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ส่วนจอมพลสฤษดิ์ มีแหล่งทุนใหญ่คือสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ จอมพลสฤษดิ์ คือเรื่องกองสลากถูกพลตำรวจเอกเผ่า โจมตีว่าทุจริตเงินกองสลากและต้องสอบสวน ซึ่งสร้างความแค้นให้กับจอมพลสฤษดิ์ และทำลายความเป็นเพื่อนร่วมตายกันจากกรณีปราบกบฏวังหลวงที่แกนนำหลัก คือ นายปรีดี พนมยงค์ มีตำนานเล่าขานถึงการเข้าร่วมนักการเมืองฝักใฝ่ซ้าย อดีตเสรีไทย และทหารเรือกลุ่มหนึ่ง ทำการยึดอำนาจในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 เรียกว่าแผนช้างดำช้างน้ำ เพื่อโค่นอำนาจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ไม่สำเร็จจึงเป็นกบฏไป โดยที่ พล.ต.สฤษดิ์ ยศขณะนั้นเป็นแม่ทัพปราบปรามกบฏ
       
        ส่วน พล.ต.ต.เผ่า คุมกำลังตำรวจใช้อำนาจกฎหมายจับกุมกลุ่มกบฏ มีการยิงกันหลายท้องที่ในกรุงเทพมหานคร เช่น ถนนวิทยุ อันเป็นที่ตั้งกรมสื่อสารทหารเรือ ถนนพระราม 4 ถนนสาธร และสี่แยกราชประสงค์ จึงมีการบาดเจ็บล้มตาย และอนุสนธิกบฏวังหลวงนำสู่กบฏแมนฮัตตันใน พ.ศ. 2494 นำโดยทหารเรือกลุ่มหนึ่ง จับตัวจอมพล ป. เป็นตัวประกัน ลงเรือขุดที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เหตุการณ์ครั้งนั้นนับว่ารุนแรงมากในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเรือหลวงศรีอยุธยาถูกกองทัพอากาศโจมตีทิ้งระเบิดจนจมลงในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะทหารเรือกลุ่มนั้นขู่ว่าจะยิงถล่มที่ตั้งของทหารรัฐบาลทุกที่ เช่นที่ตั้งกองทัพอากาศดอนเมือง กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และวังปารุสกวัน
       
       มีความผันผวนทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่ พ.ศ. 2475 มีการลอบฆ่าผู้นำประเทศ การรัฐประหารและก่อกบฏขึ้นหลายครั้ง แต่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็รอดตายและพยายามที่จะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้ได้ดังที่ตั้งใจไว้ รวมถึงการอนุญาตให้มีการทำไฮด์ปาร์คให้สิทธิประชาชนทั่วไปสามารถปราศรัยอย่างอิสระ ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งเลียนแบบการพูดของสาธารณชนในอังกฤษ ที่มีมุมพูดปราศรัยในสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค (Hyde Park Corner) ในกรุงลอนดอน เป็นการแสดงความเป็นประชาธิปไตยแบบอังกฤษ ที่ให้สิทธิในการพูด แต่กิจกรรมพูดไฮด์ปาร์คของไทยล้มเหลว เพราะมีการใช้คำพูดที่หยาบคายและไม่มีมูลความจริง นำเรื่องส่วนตัวมาว่ากล่าวให้ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายกับคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง แต่ไม่สามารถตอบโต้และเอาผิดไม่ได้ ทำให้รัฐบาลจอมพล ป. ต้องประกาศยกเลิกการพูดไฮด์ปาร์คไป แต่ปัจจุบันมีหลายเทคโนโลยีสารสนเทศกล่าวร้ายใครต่อใครได้
       
        การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2500 ถูกมองว่า เป็นการเลือกตั้งสกปรก นิสิต นักศึกษาออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลว่าโกงเลือกตั้ง จอมพลสฤษดิ์ เข้าข้างประชาชน เกิดวิกฤตการเมืองอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้จอมพลสฤษดิ์ ทำการรัฐประหารสำเร็จโค่นอำนาจจอมพล ป. อย่างไร้การต่อสู้ ไม่มีการเสียเลือดเนื้อและเข้าบริหารปกครองบ้านเมืองต่อเนื่องจนยุคจอมพลถนอม กิตติขจรและจอมพลประภาส จารุเสถียรทายาทการเมือง จนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่เผด็จการทั้งทหารและนักธุรกิจการเมืองหมดอำนาจ
       
        แต่เป็นเรื่องต้องศึกษาว่ายุค 2500 ไม่มีการป่วนการหาเสียงของพรรคการเมือง จำนวนหัวคะแนนถูกยิงน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับเลือกตั้ง 2554 ที่มีมือป่วนออกสำแดงฤทธิ์กับนายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศไม่รับผิดชอบและควบคุมไม่ได้
       
        ข้อเท็จจริง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ชื่อต้นๆ มีทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและนายเหวง โตจิราการ ซึ่งเป็นแกนนำของคนเสื้อแดงที่ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองในปี พ.ศ. 2552 และ 2553 ทำไมหัวหน้าพรรคหรือตัวแทนทักษิณควบคุมไม่ได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 จะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไรในอนาคตหากควบคุมคนในพรรคของตนไม่ได้ กรณีพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะควบคุมการทุจริตคอร์รัปชันของคนในพรรคและรัฐบาลได้อย่างไร
       
        การเลือกตั้งครั้งนี้มีหัวคะแนนหลายพรรคใหญ่ถูกสังหารมากกว่าการเลือกตั้งครั้งใดๆ พฤติกรรมการเมือง ทัศนคติและศีลธรรมการเมืองจาก 2475 ผ่าน 2500 จนปัจจุบันไม่ได้พัฒนาแม้แต่น้อยกลับตกต่ำอย่างน่าใจหาย หากคิดในแง่สากลแล้วการเมืองไทยล้าหลังอย่างมากจนดูไม่ต่างจากกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาในทวีปแอฟริกาที่มีสงครามกลางเมืองและการฆ่าคู่แข่งจนเป็นเรื่องปกติ
       
        ถ้าบอกว่าเลือกตั้ง 2500 สกปรกแต่หากพิจารณาการเลือกตั้ง 2554 แล้วพบว่าทั้งสกปรกและโหดเหี้ยม แล้วเราๆ ท่านๆ จะบอกต่างชาติอว่าอย่างไร หรือบอกว่านี่คือการเมืองแบบไทยๆ
       
        ปัจจุบัน ส.ส.ซื้อเสียงได้แน่นอนแต่ไม่มีการจ่ายเงินจนกว่า ส.ส.คนนั้นชนะการเลือกตั้งและพรรคจัดตั้งรัฐบาล คนขายเสียงจึงจะได้เงิน และส.ส.จะไม่เบี้ยวหากหวังเป็นรัฐบาลตลอดกาล ทุกวันนี้เป็นที่รู้กันว่าหลักการ เลือกก่อน จ่ายทีหลัง นั้นมีอยู่จริงและ กกต.ก็ทำอะไรไม่ได้
       
        มีประเด็นด่างพร้อยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ คือกรณีคดีซุกหุ้นซึ่งคงจะไม่ยุติง่ายๆ แต่เรื่องนี้มีส่วนทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพอย่างรุนแรงหากเธอได้เป็นนายกรัฐมนตรี และจะสร้างปัญหาทางการเมืองหนักกว่าครั้งไหนๆ เพราะเธอเป็นนอมินีของทักษิณ ที่ต้องการออกกฎหมายยกโทษให้ทักษิณในคดีทุจริตต่างๆ ปลายปีนี้เราคงได้เห็น การแสดงทางความคิดทางการเมืองหลากหลายรูปแบบผ่านกลุ่มสีต่างๆ ทั้งแดง เหลือง น้ำเงิน และหลากสี เป็นเช่นนี้ไปไม่จบสิ้น
       
        แต่ที่น่าเป็นห่วงได้แก่พลเรือนต่างสีเสื้ออาจจะออกมาประหัตประหารกันอย่างเมามันซึ่งจะทารุณกว่าครั้งใดๆ ทำให้การเมืองไทย 80 ปีไม่ได้ก้าวไปไหนเลย และดูเหมือนจะเลวร้ายลงอีกยิ่งกว่าเลือกตั้ง 2500 เสียด้วยเพราะมีเทคโนโลยีสารสนเทศเอื้ออำนวย มีแหล่งเงินใช้ไม่รู้หมด มีนักวิชาการ ทหาร และตำรวจขายตัว จึงหวังว่าโชคดีประเทศไทย