มุมมอง "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" ต่อกรณีไทยถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก
(หมายเหตุ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการอาวุโสด้านประวัติศาสตร์ ได้เขียนบทความสองชิ้นนี้และนำไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มติชนออนไลน์เห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ)
Walking out from UNESCO and Civilized World
ถ้อยแถลงของ นรม อภิสิทธิ์ และ รมต สุวิทย์
เรื่องการ "ถอนตัว" ออกจาก "กก มรดกโลก" (อย่างสับสน กำกวม)
และถูกตอบโต้โดย ผอ. อิรินา โบโกวา ของ UNESCO
ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง 3 กรกฏา นั้น
สรุปได้ว่า นี่เป็น "การเมืองยิ่งกว่าการเมือง"
โดยไม่สนใจ ต่อความเสียหายของ "ประเทศชาติ_ประชาชน"
หนึ่ง)
นี่เป็นความตกต่ำของ "วิเทโศบาย
การต่างประเทศ
การทูต" ของเราอย่างสาหัสสากรรจ์
สอง)
การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอน (ซ้ำๆ) ให้รู้ว่า
"บอลแพ้ คนเล่นและคนดู
(บางคน บางสถาบัน และบางพรรคฯ) ไม่ยอมแพ้"
สาม)
การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
"คนเล่น บางพรรค บางสถาบัน คือ
ขี้แพ้ ชวนตี" (ไม่มีสปิริตนักกีฬาที่ดี)
สี่)
การเมืองภายในและ "วาทกรรม" เรื่องนี้ สอนให้รู้ "ซ้ำๆ" ว่า
"วาทะ" ของ "ชาวกรุง" (จอมพลสฤษดิ์) ที่ว่า
"วันหนึ่ง จะเอาปราสาทเขาพระวิหาร กลับมาเป็นของชาติไทย ให้จงได้"และ (เสนีย์ ปราโมช) "เราไม่ยอมรับแผนที่ เราถือสันปันน้ำ" นั้นจบลงด้วยเป็น "กรรม" ของ "ชาวบ้าน" ชายแดนที่บาดเจ็บ ล้มตาย พลัดที่นา คาที่อยู่ ทำมาหากินไม่ได้
ห้า)
การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่าวิเทโศบายดังกล่าว อาจบานปลาย ทำให้
เกิดสงครามชายแดน (ขึ้นอีก)และ (อาจ) ล้มการเลือกตั้งหรือไม่ก็สร้างกระบวนการ (ที่ในบั้นปลาย)ทำลายระบอบประชาธิปไตย_การเลือกตั้ง ทั้งหมด
หก)
การเมืองก่อนการเลือกตั้งเรื่องนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า"รัฐบาล ที่มา (ด้วยวิธีการที่ไม่ชอบมาพากล) จากพรรคผสมไม่กี่พรรคกับผู้นำระดับ นรม อภิสิทธ์ และ รมต สุวิทย์ เพียงไม่กี่คนมีความชอบธรรม (legitimacy) แค่ไหนที่จะถอน "สยามประเทศไทย" ของเราออกจากองค์กรระดับโลก เช่น Unescoของนานาอารยชาติและโลกศิวิไลย์
เจ็ด)
การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ระดับสำคัญสุดเช่นนี้
จะต้องถาม เจ้าของประเทศ คือ ประชาชนที่มีอยู่กว่า ๖๐ ล้านคนจะต้องผ่าน "รัฐสภา"
หรือท้ายที่สุดจะต้องมี "ประชามติ" (Referendum) หรือไม่
__________
Walking Out of Unesco without Consent and Referendum of the Siamese-Thai Peoples
การถอนตัวจาก "มรดกโลก" โดยไม่ถาม "คนไทย" เจ้าของประเทศ
โดยไม่ผ่านรัฐสภา
โดยไม่มีประชามติ (Referendum)
ถ้อยแถลงของ นรม อภิสิทธิ์ และ รมต สุวิทย์
เรื่องการ "ถอนตัว" ออกจาก "มรดกโลก"อย่างสับสน และกำกวมนั้น
ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า
หนึ่ง)
นี่เป็นการลาออกจาก กก มรดกโลก ใช่ไหม
ถ้าใช่ ก็แปลว่าใน World Heritage Committee
ที่มีสมาชิกอยู่ 21 ประเทศ โดยไทยเรามี อธิบดี (หญิง) กรมศิลปากรเป็นตัวแทนนั้นก็จะหมดสภาพไปไทยเราต้องเลิกคบหาสมาคมกับนานาอารยะอีก 20 ประเทศ ใช่ไหม
สอง)
แต่ถ้า นี่ไปไกลกว่านั้น คือ เป็นการลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกของ
"อนุสัญญามรดกโลก"
Unesco World Heritage Convention 1972
ซึ่งมีภาคีสมาชิกนานาอารยะอยู่ 187 ประเทศ
ไทยเรา ก็จะกลายเป็น "ประเทศหนึ่ง" เดียว ที่เป็น "แกะดำ" ของโลก ใช่หรือไม่
สาม)
ไม่ว่า "สยามประเทศไทย" จะลาออกจากกลุ่ม 21 หรือกลุ่ม 187
ก็ไม่สามารถทำให้ประชามหาชน เข้าใจได้ว่านี่เป็นการดำเนินวิเทโศบาย
อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และต่อประชาชน
และนี่ไม่ใช่ความตกต่ำสุดของนโยบายต่างประเทศ หรือ การทูตของไทย
สี่)
คำถามต่อมา คือ แล้ว ไทยเราจะทำอย่างไรกับมรดกโลก 5 แห่งที่เราได้รับการประทับตราของ Unescoคือ
_บ้านเชียง
_สุโขทัย_ศรีสัชนาลัย_กำแพงเพชร
_อยุธยา
_ทุ่งใหญ่นเรศวร
_และดงพญาเย็นเขาใหญ่
เราจะต้องส่งคืน "ทะเบียน"
และเลิกใช้ "ตราโลโก้" ของยูเนสโก ใช่หรือไม่
ห้า)
คำถามสุดท้าย ก็คือ
ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ
ที่สำคัญยิ่งยวดเช่นนี้
ทั้ง นรม อภิสิทธ์ หรือ รมต สุวิทย์ จากเพียง 2 พรรคการเมือง
มีความชอบธรรม หรือ legitimacy แค่ไหน
ที่จะดำเนินการผลีผลามทำไปโดยไม่ได้ถาม
เจ้าของประเทศ คือ ประชาชนที่มีอยู่กว่า ๖๐ ล้านคน
โดยที่ไม่ได้ผ่าน "รัฐสภา"
หรือท้ายที่สุดโดยที่จะไม่ทำ "ประชามติ" (Referendum)