แฉแก๊งหลอกเก็บลิขสิทธิ์
วันอังคาร ที่ 26 กรกฎาคม 2554 เวลา 9:42 น.
ชี้ขู่เรียกเงินแลกยอมความ ดันองค์กรอิสระกำกับดูแล
นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้วยการแสดงบัตรประจำตัว หรือแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เข้าไปดำเนินการจับกุมผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ ร้านขายอาหาร สถานบันเทิง ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านค้าที่ขายสินค้าลิขสิทธิ์ เช่น การ์ตูน เกม หน้ากากโทรศัพท์ ในศูนย์การค้า เพื่อข่มขู่เรียกเงิน หรือค่าชดเชยความเสียหายในอัตราที่สูงเพื่อแลกกับการยอมความ หรือให้เรียกเก็บค่าตอบแทนเป็นรายเดือนแทนการจับกุม
ทั้งนี้กรมฯขอชี้แจงว่า คดีละเมิดเครื่องหมายการค้าเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความกันได้ การดำเนินการดังกล่าวจึงน่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย หากผู้ประกอบการเกิดความสงสัยในพฤติการณ์ ไม่ควรจ่ายค่าเสียหายทันที แต่ควรยื่นเรื่องขอประกันตัว และให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริง
“แต่หากไม่มั่นใจอาจใช้วิธีตรวจสอบไปยังสถานีตำรวจเจ้าของท้องที่ หรือหน่วยงานต้นสังกัดของคนที่ทำการจับกุม เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นตัวแทนที่แท้จริง แต่หากได้ถูกจับกุมคดีละเมิดลิขสิทธิ์แล้วประสงค์จะยอมความ หรือจ่ายชดเชยค่าเสียหาย ขอให้ตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวนบนสถานีตำรวจมิใช่ที่อื่น เช่น ในตลาด หน้าโรงพัก หลังโรงพัก และควรมีการบันทึกเป็นหนังสือไว้เป็นหลักฐานด้วย เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ”
นางปัจฉิมากล่าวต่อว่า กรมฯ ยังได้ออกประกาศการแจ้งข้อมูลตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 โดยกำหนดคุณสมบัติของตัวแทนรูปแบบใหม่ในการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ให้มีคุณวุฒิและชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งออกบัตรตัวแทนให้ยากต่อการนำไปแอบอ้าง และกำหนดให้แสดงหลักฐานการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น ๆ โดยกรมฯ สามารถพักใช้ ยกเลิก และเรียกคืนบัตรตัวแทน ในกรณีที่มีการนำบัตรตัวแทนไปใช้ในทางที่ไม่สุจริต
ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งกำชับแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศเกี่ยวกับการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ตามที่กรมฯขอความร่วมมือ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบบัตรตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่กรมฯออกให้ ในการรับคำร้องทุกข์ทุกครั้ง หากไม่มีบัตรตัวแทนมาแสดง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสารหนังสือมอบอำนาจให้แน่ชัดว่า ตัวแทนที่มาแจ้งความร้องทุกข์นั้น ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องหรือไม่ พร้อมขอตรวจสอบหลักฐานการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์
ส่วนการเตรียมแผนงานเสนอ รมต.พาณิชย์คนใหม่ จะเสนอให้ผลักดันกรมทรัพย์สินทางปัญญา ออกจากระบบราชการมาเป็นองค์กรมหาชน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น และแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร ซึ่งเมื่อมีบุคลากรมากขึ้น เชื่อว่าจะทำงานได้รวดเร็ว ลดปัญหางานค้าง และสามารถจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) และชุมชนท้องถิ่นในการต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีงบประมาณไม่เพียงพอ
“ขณะนี้หลายประเทศในอาเซียนได้จัดตั้งหน่วยงานทรัพย์สินทางปัญญาเป็นองค์กรอิสระแล้ว ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หรืออินโดนีเซียที่อยู่ระหว่างการ เตรียมการ โดยในส่วนกรมฯมีความพร้อมและได้ศึกษาแนวทางบริหารไว้แล้ว ทั้งในแง่บุคลากร งบประมาณ ซึ่งปัจจุบันกรมฯมีรายได้จากค่าธรรมเนียมปีละ 360-400 ล้านบาท และงบประมาณจากรัฐบาลอีก 316 ล้านบาท”
นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิด รวมถึงการร่วมมือไทย-สหรัฐ เพื่อให้ไทยถูกปลดจากบัญชีประเทศถูกจับตามองในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีแผนดำเนินการเข้าสู่เออีซี รวมถึงการสานต่อโครงการผลักดันเอสเอ็มอี โอทอป โครงการแปลงสินทรัพย์ทางปัญญาเป็นทุน โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ส่วนสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนเดือน มิ.ย. 54 มีรวม 6,037 คำขอ เพิ่มขึ้น 18%จากเดือนที่แล้ว ทำให้ 6 เดือนแรกมีการยื่นคำขอทั้งสิ้น 30,623 คำขอ หรือเพิ่มขึ้น 4.02% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการยื่นจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ และเครื่องหมายการค้า.