นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เตรียมข้อมูลเปิดสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21  ประมาณ  30 แปลง ส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 20 แปลง และในอ่าวไทย 5-6 แปลง  รวมไปถึงแหล่งน้ำมันดิบ หรือ ออยล์เชลล์ อ.แม่สอด จ.ตาก  คาดว่า  จะสามารถเปิดสัมปทานได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2555 โดยมีการแก้ไขระเบียบการประมูล เพื่อความยุติธรรมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น  เช่น การทยอยเปิดสัมปทานครั้งละ 5 แปลง , การกำหนดให้มีการวางเงินประกันการลงทุน

เพื่อป้องกันการทิ้งสัมปทานหลังได้รับการคัดเลือกแล้ว รวมทั้งได้กำหนดปริมาณงานและเงินขั้นต่ำในการขุดเจาะสำรวจ เพื่อที่จะได้เป็นฐานข้อมูลด้านปิโตรเลียมของประเทศว่าจะมีปริมาณสำรองเท่าไร  ส่วนพื้นที่การเปิดสัมปทานบริเวณใกล้ชุมชน เช่น พื้นที่ใกล้เกาะสมุย และ เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี จะมีการพิจารณาให้รอบคอบเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ หากมีการพบแหล่งก๊าซธรรมชาติและสามารถผลิตปิโตรเลียมได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้น จะช่วยบรรเทาปัญหาก๊าซเอ็นจีวีในภาคขนส่งไม่เพียงพอต่อความต้องการและลดการนำเข้าน้ำมัน หากสำรวจพบมากขึ้นมีความเป็นไปได้ในการขยายท่อก๊าซธรรมชาติจากนครราชสีมาไปยังขอนแก่น  เพื่อช่วยลดต้นทุนในการขนส่ง

โดยการสำรวจล่าสุดมีความหวังในแหล่งรัตนะ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นแปลงสำรวจของ ปตท.สผ. เบื้องต้นพบว่า มีแนวโน้มที่ดีที่จะพบก๊าซฯ ในการช่วยทดแทนแหล่งน้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่ปริมาณก๊าซฯกำลังจะหมดลง และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อยู่ระหว่างการเร่งให้แหล่งภูฮ่อม จ.อุดรธานี สำรวจปริมาณสำรองที่ชัดเจนว่ามีเท่าไร เพื่อดูปริมาณสำรองในระยะยาว