รู้ทันโรคมะเร็ง -มือถือกับมะเร็งสมอง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ห้า หรือปัจจัยที่หกของชีวิตทั้งของคนเมืองและคนชนบทไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่มีโทรศัพท์มือถืออุบัติขึ้นมาบนโลกใบนี้ก็มีข่าวเรื่องผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสเกิดเนื้องอกในสมองออกมาเป็นระยะ
หลายคนคงเคยได้ยินสัญญาณคลื่นโทรศัพท์มือถือดังออกมาจากลำโพงคอมพิวเตอร์หรือวิทยุโทรทัศน์เวลาวางมือถือไว้ใกล้ๆ แถวนั้นแล้วกำลังเริ่มมีสัญญาณเรียกเข้า ทำให้รับรู้ได้ว่าคลื่นโทรศัพท์มือถือมีความแรงเอาเรื่องทีเดียว แต่มีน้อยคนที่จะสนใจเรื่องนี้เพราะไม่ค่อยเห็นมีใครใช้หูฟังทั้งแบบมีสายและแบบบลูทูธสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่ใช้ก็เพราะขี้เกียจถือหรือบ้างก็เพื่อความเท่ห์มีไฟสีฟ้าๆ กะพริบแถวใบหู จะมีสักกี่คนบ้างที่ใช้หูฟังเพราะเกรงกลัวเรื่องที่จะเป็นเนื้องอกในสมอง
ที่ผ่านมา มีการประชุมขององค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การอนามัยโลกที่เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส นักวิทยาศาสตร์จาก 14 ประเทศทั่วโลกประชุมได้ข้อสรุปใหม่ว่า เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ปล่อยคลื่นวิทยุหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะทำให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในคน เป็นข่าวฮือฮากันไปทั่วโลก เครื่องมืออุปกรณ์ที่เข้าข่ายมีมากมายหลายประเภท แต่ที่เป็นจำเลยที่หนึ่งในเรื่องนี้หนีไม่พ้นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกถึง 5 พันล้านคนหรือคิดเป็นสามในสี่ของประชากรทั้งโลก เพราะนอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารด้วยการพูดคุยกันแล้ว ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือยังเป็นเครื่องมือส่งข้อความระหว่างบุคคลและเชื่อมต่อโลกออนไลน์เข้าอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย
การที่องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศมีข้อสรุปดังกล่าว เนื่องจากมีรายงานทางการแพทย์ที่แสดงว่า ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่า 30 นาทีต่อวันนานติดต่อกันกว่า 10 ปี มีความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกในสมองชนิดไกลโอมามากกว่าปกติ 40% องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศและองค์การอนามัยโลกจึงต้องเผยแพร่ข้อมูลให้สาธารณะรับรู้ แม้ว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีการวิจัยใหม่ๆ หรือมีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ได้ก็ตาม
ที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษคือการใช้โทรศัพท์มือถือในเด็กครับ ในสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับการใช้โทรศัพท์มือถือในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีค่อนข้างมาก เนื่องจากกะโหลกศีรษะเด็กมีขนาดเล็กกว่าและกะโหลกบางกว่าผู้ใหญ่จึงมีโอกาสได้รับคลื่นรังสีได้มากกว่าและเด็กยังอยู่ในช่วงที่ระบบสมองและประสาทกำลังพัฒนา มีผลการวิจัยจากประเทศสวีเดนพบว่า ในคนที่เริ่มใช้โทรศัพท์มือถือตั้งแต่อายุต่ำกว่า 20 ปี เมื่ออายุมากขึ้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกในสมองชนิดไกลโอมามากกว่าปกติถึง 5 เท่า ในบ้านเรานั้นจากสถิติโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเด็ก พบว่ามะเร็งและเนื้องอกของสมองพบมากเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร เพราะฉะนั้น น่าจะหันมาใส่ใจกันให้มากขึ้นนะครับ
ท้ายที่สุดขอย้ำว่าอันตรายจากมือถือที่ทำให้เป็นมะเร็งนั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนและที่สำคัญอันตรายยังน้อยกว่าการใช้มือถือแบบไม่ระมัดระวัง ที่อันตรายสุดๆ ก็พวกขับรถไปเอามือถือโทรศัพท์คุยไปเรื่อย ไม่ยอมใช้หูฟัง พวกนี้อันตรายมากนะครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นแค่ชั่ววินาทีก็โครมแล้ว อันตรายซึ่งหน้าอันตรายกว่าเป็นมะเร็งเยอะเลย...เชื่อผมซิ
"นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ"