เรามิได้เป็นผู้มอบมรดกแผ่นดินนี้ให้ลูกหลาน...เราต่างหากที่ยืมแผ่นดินนี้มาจากลูกหลาน
ผมได้มีโอกาสเห็นปรัชญาหนึ่งจากช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ เขาเขียนเอาไว้ว่า
เรามิได้เป็นผู้มอบมรดกแผ่นดินนี้ให้ลูกหลาน
...เราต่างหากที่ยืมแผ่นดินนี้มาจากลูกหลาน
เป็นหลักการที่สอนใจให้มนุษยชาติมีจิตสำนึกรักษาธรรมชาติ โดยเคารพสิทธิของลูกหลานที่จะเป็นผู้อยู่รักษาและดูแลบำรุงโลกนี้ต่อไป
ผมชอบประโยคนี้ และอยากที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมไทย ว่า
เรามิได้เป็นผู้มอบมรดกแผ่นดินไทยนี้ให้ลูกหลาน
...เราต่างหากที่ยืมแผ่นดินนี้มาจากลูกหลานชาวไทยทั้งแผ่นดิน
โดยมีบทเรียนในหลายๆด้าน ที่คนไทยควรมีจิตสำนึกรักษาให้เป็นแผ่นดินไทยที่เป็นแผ่นดินทองของลูกหลานต่อๆไป ดังต่อไปนี้
1. รักษาบ้านเมืองให้ทรงคุณธรรม ผมเชื่อในหลักการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง คือ “แผ่นดินไหนที่เป็นธรรม แผ่นดินนั้นจะเป็นทอง” หากสังคมไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ก็อาจมีการข่มเหง เอาเปรียบกัน แสวงหาประโยชน์ส่วนตนบนภาระของเพื่อนร่วมชาติ ก็เป็นสิ่งที่บั่นทอน ทำให้สังคมมีแต่ปัญหา
2. รักษาบ้านเมืองให้มีความสุข ผมเชื่อว่า ตั้งแต่ยุคปฐมกาล “ความสุขแท้” ของมนุษย์ คือ ความพอเพียง ด้วยความชื่นชมยินดี ผมเป็นคริสเตียน สิ่งหนึ่งที่เรามักทำเสมอ คือ ความ “ขอบคุณพระเจ้า” กับทุกสถานการณ์ กับชีวิตที่เราเป็นเรา เป็นเพียงหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดินโลกนี้ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกเสร็จใน 6 วัน พระองค์ทรงเห็นว่า “ดีนัก” แต่ซาตานไม่ได้สร้างอะไร ไม่ได้ให้อะไร เพียงแต่ถามอาดัมกับเอวาว่า “ที่พระเจ้าให้นั้น พอแล้วหรือ ? ถ้าพระเจ้ารักจริง ทำไมไม่ให้ผลไม้นั้นด้วย ?” เท่านี้ ซาตานก็ได้ครองใจของอาดัมกับเอวา
ซึ่งในความเป็นจริง มนุษย์เราอยู่ในโลกร่วมกันกว่า 6 พันล้านคน ย่อมมีของบางอย่างที่เป็นของเรา ของบางอย่างที่ไม่ใช่ ชีวิตเราก็มีบางอย่างที่ได้อย่างใจ และบางอย่างที่ไม่ถึงกับได้อย่างใจ แต่หากมนุษย์เรียนรู้ที่จะ “พอเพียง” มนุษย์ก็จะมี “ความสุขแท้” และชื่นชมยินดีในชีวิต
เราจึงควรสร้าง “วัฒนธรรมแห่งความพอเพียง” ให้คนมีความสุขแท้ในชีวิต มิใช่เพียงแต่สรรหาเงื่อนไขในลักษณะที่ สร้างความไม่เพียงพอ ไม่พอใจ มีแต่จะเป็นการสร้างความทุกข์ให้กับคนเหล่านั้น และสร้างความทุกข์ให้กับสังคม
3. รักษาบ้านเมืองให้มีความรัก สัจธรรมสำคัญของชีวิตคือ “ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีสุข” และ “ที่ใดขาดรัก...ที่นั่นมีทุกข์” หลายๆครั้ง เรามุ่งหาความนิยม โดยใช้ความเท็จมาทำให้ประชาชนเกิดความโกรธเกลียด “คนอื่น” เพื่อความนิยมของตนเอง คนไทยเรา จึงควรเรียนรู้ตามพระลักษณะของพระเจ้า ที่ทรง “เกลียดความบาป” แต่ยัง “รักคนบาป” และให้โอกาสคนบาปกลับใจใหม่ พระองค์จึงทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูมาไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ ทั้งที่มนุษย์เป็นคนบาป ด้วยการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือสละชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปให้กับเราผู้ที่รับเชื่อและเปิดใจให้พระองค์เข้ามานำชีวิต
... ความเกลียดชัง นำมาแต่ความทุกข์ และความอึดอัดใจ
... ความรัก นำมาแต่ความสุข และความสบายใจ
เราจึงไม่ควรรังเกียจ “ใคร” เพียงเพราะเป็น “ใคร” แต่พึงรังเกียจ “การกระทำที่ไม่ถูกต้อง” พิสูจน์และวิจารณ์โดยมิได้มองว่าเป็นเรื่องของ “ใคร” แต่เป็นเรื่องของการ “ทำอะไร” ที่ถูกหรือผิดเสมอ
และเราจึงควรส่งเสริมให้สังคม “เติมรัก” ให้แก่กัน แทนที่จะมัว “เติมความเกลียดชัง” ให้แก่กัน
ตัวอย่างเช่น การกล่าวเท็จ เรื่อง “ไพร่ - อำมาตย์” เป็นการสร้างแผลให้กับสังคมไทย และลูกหลานไทย
ผมมีประสบการณ์กับตัวเอง ครอบครัวเติบโตมาจากครอบครัวที่ธรรมดา แต่สังคมไทยนี้ดี เป็นสังคมแห่งโอกาสที่เท่าเทียมกัน ตั้งแต่พ่อแม่ขยันร่วมกันทำงาน พ่อถือของนั่งรถไปขายของตามต่างจังหวัด แม่ขายของในร้านที่เช่าเขามา พ่อผมเสียไปตอนพี่ชายคนโตเรียนอยู่ปี 2 และผมเรียนชั้นปี 1 แต่ด้วยความที่อยากให้ลูกเรียนหนังสือ คุณแม่จึงอดทนเข้มแข็งมากขึ้น ค้าขายเพิ่มขึ้น ทำงานหนักขึ้น จนลูกๆ 5 คน สามารถเรียนจบแพทยศาสตร์ จุฬาฯ 2 คน วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ 3 คน ตั้งแต่เล็ก ผมก็ยากจนเป็นคนชั้นไพร่ แต่เป็นไพร่ถือดีใจที่เป็นคนไทย และได้รับโอกาสเติบโตในสังคมไทยได้รับพระคุณแผ่นดินมาจนถึงทุกวันนี้
เราจึงควรที่จะ “เติมรัก” และไม่ใช้ความเท็จสร้างความแตกแยกและสร้างแผลให้กับแผ่นดินไทยในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป
...หากคนไทยเรารักษา “คุณธรรม” และ”จริยธรรม” สังคมก็มีแต่ความสุขสงบ
...หากคนไทยเรารักษาความ “พอเพียง” ประชาชนก็จะมีแต่ “ความสุขแท้” ด้วยความชื่นชมยินดี
...หากคนไทยเรารักษาความ “รัก” สังคมก็จะมีแต่ความสุขเสมอ
จึงกล่าวได้ว่า
เรามิได้เป็นผู้มอบมรดกแผ่นดินไทยนี้ให้ลูกหลาน
...เราต่างหากที่ยืมแผ่นดินนี้มาจากลูกหลานชาวไทยทั้งแผ่นดิน
ช่วยกันรักษาหลักคุณธรรม-จริยธรรม ความพอเพียง และความรัก ก็จะช่วยทำให้ประชาชนได้รับแต่ความสุขแท้ และความสงบแท้ที่ยั่งยืนตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove)