แม่นักสู้ วันนี้"เพื่อลูก"
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7560 ข่าวสดรายวัน
"นี่เป็นรางวัลแห่งกำลังใจ รางวัลแห่งชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าบทบาทนักสู้และความเป็นแม่จะจบลงเพียงเท่านี้
งานทุกอย่างที่เราทำเพื่อครอบครัวและส่วนรวม มันไม่มีทางสำเร็จได้ชั่วข้ามคืน
เหมือนการเลี้ยงลูก ไม่ว่าเขาจะเติบใหญ่เพียงไร ลูกก็ยังเป็นลูกที่แม่รักและคอยเฝ้าดูแล ต้องสู้ต้องสานต่อไปจนกว่าจะสิ้นลม"
คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ความรักและความอบอุ่นของ นางแช่ม ฮั้นเย็ก หนึ่งในผู้คว้ารางวัล "แม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" ภายในงาน "มหิดล-วันแม่" ประจำปี 2554 ร่วมด้วยรางวัล "แม่สู้ชีวิต" และ "แม่ 100 ปี" เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ โดยเข้ารับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
เริ่มที่รางวัล "แม่ 100 ปี" จัดขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณแม่ที่มีอายุยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน
ผู้รับรางวัล นางถวิล ลิ้มจำรูญ อายุ 104 ปี กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ยังพูดจาโต้ตอบและกินอาหารเองได้ เคล็ดลับความแข็งแรงอยู่ที่ต้มยำเห็ดฟางจานโปรด และอารมณ์ดีอยู่เสมอ นางพัน อร่ามวัฒน์ อายุ 106 ปี จากสมุทรสงคราม เดิมเป็นชาวสวนจึงยังกระฉับ กระเฉง อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ถ้าว่างก็ดายหญ้าหรือทำอาหารประเภทผักปลากินเป็นประจำ นางโปรย งามเลิศ อายุ 106 ปี ชาวกำแพงเพชร ยังแข็งแรงและมีความจำดี ชอบหุงหาอาหาร ผ่าฝืน เผาถ่าน และทำความสะอาดบ้านเอง ชอบกินปลาและน้ำปลาร้า
นางล้อม กิ่งแก้ว อายุ 102 ปี ชาวอุบลราช ธานี ชอบเข้าวัดทำบุญอยู่เสมอ อารมณ์ดี ยิ้มบ่อย อาหารจานโปรดคือข้าวเหนียวกับน้ำพริกปลาร้า นางเจียม แก้วทอง อายุ 105 ปี จากสงขลา เป็นคนอารมณ์ดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและทำบุญ จดจำวันสำคัญทางศาสนาและสวดมนต์ได้ ชอบกินข้าวกับผลไม้ ไม่ชอบรสเค็มรสเผ็ด
รางวัล "แม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" คัดเลือกจากแม่ที่มีบทบาทสนับสนุนลูกๆ ให้เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม และลงมืออนุรักษ์อย่างจริงจังเพื่อส่วนรวม ผู้รับรางวัล ได้แก่ นางกัลยา ปันกิติ ชาวจังหวัดตรัง ผู้จัดตั้งเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด และกรรมการเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย นางแช่ม ฮั้นเย็ก จากจังหวัดตรังเช่นกัน นักต่อสู้เพื่อท้องถิ่น อนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านทุ่งตะเซะ สอนลูกหลานในชุมชนให้รู้คุณค่าของทรายทุกเม็ด น้ำทุกหยด และสัตว์ทุกชนิดในระบบนิเวศ ทั้งยังปลูกฝังให้รักวิถีชีวิตที่เป็นรากเหง้าของตนเอง คิดสร้างสรรค์นำวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางถ่ายทอดทัศนคติการอนุรักษ์ทรัพยากรผ่านลิเกป่าและรองเง็ง
"ถ้าไม่ลงมือทำตั้งแต่วันนี้ลูกหลานก็จะไม่มีกินไม่มีอยู่ ในฐานะความเป็นแม่ต้องมอบอนาคตที่ดีที่พอเพียงให้แก่ลูก ในฐานะความเป็นคน แม่ไม่ยอมให้ใครมาโกงเอาที่ดินบรรพบุรุษไปย่ำยีได้" แม่แช่มกล่าว
นางฉลวย กาเหว่านาค จ.ปทุมธานี แม่ตัวอย่างผู้แก้วิกฤตน้ำเน่าเสียในคลองบางปรอก ด้วยการใช้น้ำหมักชีวภาพควบคู่ไปกับการสร้างถังดักไขมันจนทั่วชุมชน นางมาลา จินดาหลวง จากจังหวัดเชียงราย ต้นแบบโครงการ "รักษ์ป่าสร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง"
สำหรับรางวัล "แม่สู้ชีวิต" แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแม่ของลูกพิการ นางอุดมศรี ระวังการ ชาวปทุม ธานี ดูแลลูกพิการมานานกว่า 25 ปี นางสุภาพร แท่นสุนทร ชาวหนองคาย แม่นักสู้ที่ดูแลลูกชายคนเล็กซึ่งป่วยเป็นโรคออ ทิสติก ดาวน์ซินโดรม และซ้ำร้ายด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว นางสุภาพรกล่าวว่า "แม้จะเคยเครียด เคยท้อ คิดว่าทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่พอได้เห็นหน้าเขารู้เลยว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเราก็คือลูก ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกได้มีความสุข" และ นางมุกดา เกตุสิงห์ จากชุมพร ยอมเสียสละงานที่มั่นคง เพื่อมาดูแลลูกชายผู้พิการอย่างใกล้ชิด เพราะลูกช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และยังมีอาการลมชักอยู่เป็นประจำ
ประเภทแม่ของลูกปกติ นางสาคร โคษาราช ชาวศรีสะเกษ เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะหมดตัว แต่เพื่อลูกจึงกัดฟันสู้ออกรับจ้างหาบของไปแลกข้าวสารไกลกว่า 10 กิโลเมตร นางปิยฉัตร เพ่งรุ่งเรืองวงษ์ ชาวกรุงเทพฯ กว่า 15 ปี ที่ต้องรับภาระดูแลครอบครัว ยอมกู้หนี้ส่งลูกๆ เรียน แม้เครียดจนเป็นโรคแต่ไม่ท้อ ขอส่งให้ลูกจบและมีงานทำก่อนแม่ตายเท่านี้ก็พอใจ นางสมควร ธนะปัด จากจังหวัดน่าน แม่หัวใจแกร่งที่ประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพฤกษ์ แต่ยังทำงานเพื่อจ่ายค่ารักษาเอง ครอบครัวจะได้ไม่ลำบาก เมื่อกลับบ้านก็ทำดอกไม้จันทน์ส่งเสียให้ลูกได้เรียน นางกรือสง มาซอ จากปัตตานี แม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ 10 ชีวิต จึงไม่ง่ายที่จะหาเงินให้พอกับความจำเป็น ทำทุกอย่างทั้งปลูกผัก หมักน้ำบูดู เย็บผ้า และสอนศาสนาที่มาเลเซีย
นางแช่ม ฮั้นเย็ก แม่นักสู้จากจังหวัดตรัง ฝากถึงคุณแม่ทั่วประเทศว่า แม้ความเป็นแม่จะเหนื่อยยาก อยากให้นึกไว้เสมอว่าท้อได้แต่อย่าถอย เพราะเรามีหน้าที่สำคัญต่อครอบครัว แม้ต่างคนจะต่างสู้ตามอุดมการณ์และหนทางที่เลือกเดิน แต่แม่ทุกคนต้องสู้ สู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น สู้เพื่อรอยยิ้มของลูกๆ
ขณะที่แม่นักสู้ที่ดูแลลูกป่วย นางสุภาพร แท่นสุนทร กล่าวว่า "ไม่แปลกที่จะเครียดและท้อ แต่เราต้องแบ่งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวออกจากกัน ลูกๆ สามารถรับรู้ปัญหาของครอบครัวได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแบกรับอารมณ์ของพ่อแม่ ให้เวลากับเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ทนเหนื่อยทนต่อสู้ไปด้วยกัน แล้ววันหนึ่งความสุขของครอบครัวจะกลายเป็นรางวัลที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต"