วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม 2554 เวลา 7:22 น. เดลินิวส์
ยังไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อเข้าทำหน้าที่อย่างเต็มตัว คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์กรณีเชิญทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยมาพูดคุยเรื่องการออกวีซ่าให้คุณทักษิณ ชินวัตร เพื่อเดินทางเข้าไปทำธุระในประเทศญี่ปุ่น
เรื่องนี้แดงออกมาเพราะสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นเป็นผู้นำมาเปิดเผย โดยระบุว่า คุณสุรพงษ์ เป็นผู้ร้องขอ แต่การอนุมัติวีซ่าให้คุณทักษิณไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีกฎหมายคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นระบุไว้ว่า คนที่ถูกตัดสินโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปีและอยู่ระหว่างการหลบหนีโทษ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ
หลังจากข่าวนี้หลุดออกมา คุณสุรพงษ์ ได้ชี้แจงว่า เรื่องนี้ทูตญี่ปุ่นเป็นผู้หยิบยกขึ้นมาพูดก่อน โดยอ้างว่า คุณทักษิณได้บริจาคเงินช่วยสึนามิ และได้รับเชิญให้ไปกล่าวปาฐกถา ทางทูตญี่ปุ่นจึงถามว่ารัฐบาลไทยจะขัดข้องไหม หากรัฐบาลญี่ปุ่นจะให้วีซ่าเข้าเมืองกับคุณทักษิณ
ฟังดูแล้วทั้งคุณสุรพงษ์กับข่าวสำนักข่าวเกียวโดจะขัดกันบางส่วน และเหมือนกันบางส่วน ที่เหมือนกันก็คือ ทั้ง 2 คนเจอกันแน่ ๆ ในส่วนที่ขัดกันก็คือ ต่างฝ่ายต่างโยนให้อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นผู้เริ่มก่อน
แต่เท่าที่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้ว ไม่เชื่อว่าฝ่ายญี่ปุ่นจะเริ่มก่อน เพราะเรื่องนี้ดูเหมือนสถานทูตญี่ปุ่นจะไม่พอใจ และเกิดความอึดอัด เนื่องจากมีกฎหมายห้ามไว้ชัด ขืนลักไก่ออกวีซ่าให้และเรื่องแดงขึ้นมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกวีซ่าก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยข่าวออกมาทางสื่อญี่ปุ่น เท่านั้นไม่พอ ยังชักชวนให้สื่อไทยเปิดไปดู และนำเรื่องราวดังกล่าวมาเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรู้
ลองวิเคราะห์แล้ว เชื่อว่า ฝ่ายญี่ปุ่นเองคงไม่อยากออกวีซ่าให้ มิฉะนั้นจะต้องเก็บเงียบและทำให้เป็นความลับที่สุดเหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่ทำกันอยู่เป็นประจำในวงการทูต
คราวนี้ลองหันไปดูทางด้านคุณสุรพงษ์ ซึ่งได้รับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศทั้ง ๆ ที่ไม่มีความสันทัด ก็เพราะบารมีของคุณทักษิณค้ำจุน
พอเข้ารับตำแหน่งจึงหาทางช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณทันที
แต่คนระดับดอกเตอร์อย่างคุณสุรพงษ์ คงไม่ได้คิดแค่นี้ เพราะคุณทักษิณไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องเข้าประเทศญี่ปุ่นให้ได้ หากไม่ได้รับวีซ่า ก็นอนตีพุงอยู่ที่ดูไบสบาย ๆ ได้ต่อไป ไม่มีอะไรต้องเดือดร้อน
แสดงว่า การเลือกเดินแต้มนี้ น่าจะเป็นการทดสอบกระแสมากกว่า หรือเป็นการโยนหินถามทาง ถ้าคนไทยไม่ให้ความสนใจกับข่าวคุณทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่น หรือไม่ได้เก็บมาวิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ ก็แสดงว่าทางเปิดโล่ง
เชื่อว่า ลำดับต่อไปในราวปลายปี น่าจะมี ส.ส.คนใดคนหนึ่งเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรม ล้างโทษจำคุก 2 ปีให้กับคุณทักษิณ จะได้เดินทางกลับมาประเทศไทยและเล่นการเมืองอีกครั้งสบาย ๆ
แต่ยังไม่ทันไรแค่ยกแรก คุณสุรพงษ์ก็โดนรุมกินโต๊ะแถมได้ตำแหน่ง รมต.ยอดยี้จากการสำรวจของสำนักโพล 2 แห่ง
ดูแล้วเส้นทางกลับบ้านของคุณทักษิณไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่น่าจะปูด้วยหนามทุเรียนเสียมากกว่า.
ดินสอโดม