สัมผัสพิเศษ การรับรู้สนามแม่เหล็ก
1.สัมผัสพิเศษของนกอพยพ
สัมผัสของมนุษย์จะประกอบด้วย การมองเห็น การรับรส การดมกลิ่น การได้ยินเสียง และการสัมผัส (รวมทั้งรับรู้อุณหภูมิ) ทางผิวหนัง นับได้ 5 ประเภท ถ้าหากเราพูดถึงสัมผัสพิเศษ หรือสัมผัสที่ 6 หลายๆคนคงจะจินตนาการไปถึง การมองเห็นวิญญาณ บ้างก็นึกถึงการอ่านใจผู้อื่น การรับรู้ภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น ในความจริงแล้วสัมผัสพิเศษไม่ใช่อะไรทำนองนั้น
สัมผัสต่างๆ คือกระบวนการทำงานในสิ่งมีชีวิต ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งต่างๆรอบๆตัวได้ ประสาทสัมผัสจะเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตนั้นๆได้พัฒนาขึ้นผ่านการวิวัฒนาการ เพื่อที่จะอยู่รอด สำหรับมนุษย์ อาจจะมีสัมผัสดังที่กล่าวมา แต่สำหรับสัตว์ประเภทอื่น ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมอื่นที่ต่างออกไป สัตว์ประเภทนั้นก็จะมีสัมผัสที่แตกต่างออกไปจากสัมผัสที่มนุษย์มี ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนจะมีตาที่มองเห็นแสงอินฟราเรดได้ (แสงอินฟราเรด เป็นแสงที่มนุษย์มองไม่เห็น) การรับรู้สนามไฟฟ้าของฉลากหัวค้อน และที่จะพูดในบทความนี้คือสัมผัสพิเศษที่จะรับรู้สนามแม่เหล็ก
"ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า มนุษย์ อาจจะมีสัมผัสที่ 6 นั้นคือ การรับรู้สนามแม่เหล็ก"
ตัวอย่างของสัตว์ที่มีสัมผัสในการรับรู้สนามแม่เหล็กก็คือ นกอพยพ ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนฤดูกาลย่อมหมายถึงเวลาที่พวกมันต้องเดินทางไกล เพื่อแสวงหาแหล่งอาหาร หรือแหล่งผสมพันธุ์ที่เหมาะสมกับพวกมัน จากการเฝ้าดูและติดตามการอพยพของนก พบว่า การอพยพของนก ไม่ใช่การบินสะเปะสะปะ ไม่ใช่ว่าบินไปอย่างไรจุดหมาย ชอบตรงไหนลงตรงนั้น การบินอพยพของพวกมันมีเส้นทางที่แน่นอน จุดมุ่งหมายปลายทางที่แน่นอนเช่นกัน นกอพยพหลายสายพันธุ์มีเส้นทางการอพยพในแนวขึ้นทิศเหนือและลงทิศใต้ แต่มีนกอพยพเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่มีเส้นทางการอพยพไปกลับระหว่างทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
ต้วอย่างเส้นทางการอพยพของนกทั่วโลก การอพยพของนกส่วนใหญ่จะมีเส้นทางในแนวเหนือใต้
การอพยพของนกอีกเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจ เชื่อว่าการหาทิศทางของนกอพยพเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การเรียนรู้จากนกตัวเต็มวัย รวมถึงการหาทิศทางจากการรับภาพ สภาพทางภูมิศาสตร์ สนามแม่เหล็ก ดวงดาว และอื่นๆ (อ้างอิง [1])
สนามแม่เหล็กคืออะไร
ถ้าเราเอาแท่งแม่เหล็กมาวางไว้บริเวณใดบริเวณหนึ่ง แล้วแท่งแม่เหล็กนั้นรับรู้ถึงแรงทางแม่เหล็กมากระทำต่อแม่เหล็ก จะกล่าวว่าบริเวณมีสนามแม่เหล็ก มนุษย์อย่างเราๆ ถ้าต้องการจะมองเห็นสนามแม่เหล็กได้อย่างช้ดเจน เราจะมีวิธีช่วยในการมองสนามแม่เหล็กของแท่งแม่เหล็กด้วย การใช้ผงตะไบเหล็กมาโรยรอบๆแท่งแม่เหล็ก และสังเกตการเรียงต้วอของผงเหล็ก วิธีอื่นนอกเหนือจากนี้ก็ได้แก่ การวาดรูปเส้นแรงแม่เหล็ก การคำนวณ และอื่นๆ
มนุษย์สามารถเข้าใจสนามแม่เหล็กของแท่งแม่เหล็กได้ โดยสังเกตการเรียงตัวของผงตะไบเหล็ก ใช้วิธีการวาดรูป หรือ อื่นๆ
แม้ว่ามนุษย์จะเข้าใจว่าสนามแม่เหล็กคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็เกิดจาก สังเกต ศึกษา และการเรียนรู้ ไม่ใช่เกิดจากสัมผัส
สนามแม่เหล็กโลกนำทิศทาง
โลกเราเสมือนกับแม่เหล็กแท่งใหญ่ แต่สนามแม่เหล็กของโลกนั้นอ่อนมากเมื่อเทียบกับแท่งแม่เหล็กที่เราที่เราเคยหยิบเคยจับเสียอีก ถึงแม้ว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเป็นสนามอ่อนๆ แต่ก็มีคุณประโยชน์กับชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก
รูปแสดง เส้นแรงของสนามแม่เหล็กโลก
มนุษย์ได้ใช้สนามแม่เหล็กโลกช่วยในการนำทางมานานแล้ว โดยเข็มทิศเป็นเครื่องมือ เข็มทิศจริงๆแล้วคือแท่งแม่เหล็กที่รับรู้แรงจากสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เข็มทิศ(แท่งแม่เหล็ก)จะหันชี้ไปในแนวเหนือใต้ได้ นั้นคือถ้าเราพกเข็มทิศติดตัวไว้ เมื่อเราดูเข็มทิศ เราจะสามารถรู้ทันทีว่าทางไหนทิศเหนือ และเราจะไม่หลงทิศ
สำหรับนกอพยพ พวกมันมีความสามารถในการรับรู้สนามแม่เหล็กโลกได้ในร่างกายของนกเอง นกจึงไม่ต้องมีเข็มทิศพวกมันก็รู้ได้ว่าทางไหนทิศเหนือ ความสามารถนี้ของนกเป็นความสามารถที่น่าทึ่ง และมีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านที่กำลังศึกษาว่า "อะไรที่ทำให้นกอพยพมีความสามารถนึ้"
2.ภาพของสนามแม่เหล็กที่นกมองเห็น