อันตรายเงินด่วนเสาไฟฟ้า-สะพานลอย
ท่านอัยการดำริ เฉลิมวงศ์ ได้กล่าวถึงการกู้เงินด่วนนอกระบบที่ประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือ เงินด่วนประเภทที่ติดโฆษณาตามเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ ว่ากู้ปุ๊บ ได้เงินปั๊บ หากผู้ที่จะกู้มีบัตรผ่อนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ
วิธีการของเงินกู้นอกระบบลักษณะนี้ คือ หลังจากที่ลูกหนี้ที่เดือดร้อนต้องการใช้เงินสดด่วน ได้ติดต่อไปตามโทรศัพท์ที่โฆษณาไว้ในใบปลิว ก็จะมีการนัดหมายให้ไปพบเพื่อทำการกู้ยืมเงิน ซึ่งโดยมากสถานที่นัดพบมักจะเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือขายโทรศัพท์มือถือตามห้างสรรพสินค้า
เบื้องต้นเจ้าหนี้ก็จะขอหมายเลขบัตรผ่อนสินค้า เพื่อตรวจสอบเครดิตที่ลูกค้าได้รับและยอดเงินคงเหลือ ตัวอย่างเช่น ต้องการเงินสดสัก 20,000 บาท หากมียอดเงินคงเหลือที่บริษัทบัตร A อนุมัติให้ได้อยู่ที่ 30,000 บาท เจ้าหนี้ก็จะให้ลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งในร้านไปในราคา 30,000 บาท โดยมีบริษัท A เป็นผู้ให้เช่าซื้อ ส่วนลูกหนี้ก็เป็นผู้เช่าซื้อ มีหน้าที่ต้องผ่อนค่าเช่าซื้อเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 10 เดือนกับบริษัท A โดยที่ไม่ได้รับของหรือสินค้าที่ไปเช่าซื้อนั้น
เพราะหลังจากที่ทำสัญญาเช่าซื้อเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่พาลูกหนี้มาก็จะมอบเงินสดให้ลูกหนี้ 20,000 บาท หักไว้ 10,000 บาท เป็นค่าดำเนินการและดอกเบี้ยล่วงหน้า 10 เดือน (มีข้อสันนิษฐานว่าเงินสดที่จ่ายให้กับลูกหนี้นี้มาจากร้านที่เป็นเจ้าของสินค้าหรือไม่ เพื่อที่จะไปขอรับเงินจำนวนเต็ม ๆ จากบริษัทบัตรเงินผ่อนในภายหลัง ส่วนสินค้าก็ยังอยู่กับร้านเหมือนเดิม ถ้าเป็นความจริงก็หมายความว่า ร้านแทบไม่ลงทุนอะไรเลย แต่มียอดขายสินค้าเกิดขึ้นในขณะที่ตัวสินค้าก็ยังอยู่กับร้านเหมือนเดิม) ส่วนลูกหนี้ก็มีหน้าที่ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อกับบริษัท A ทุกเดือน ถ้าผ่อนครบก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าลูกหนี้เกิดเงินช็อต ขาดส่งค่าเช่าซื้อสัก 2-3 งวด บริษัท A ก็จะเริ่มทวงเงิน และยึดสินค้าคืน ถึงตรงนี้ลูกหนี้ก็อาจจะงงว่าเคยได้รับสินค้าอะไรจากบริษัท A เพราะสินค้าหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่สัญญาเช่าซื้ออย่างเดียว แล้วจะเอาสินค้าที่ไหนไปคืนบริษัท
ตรงนี้แหละที่ ลูกหนี้มีโอกาสที่จะต้องติดคุก เพราะการเช่าซื้อ ตามหลักกฎหมาย ตราบใดที่ผู้เช่าซื้อยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ก็ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ส่วนผู้เช่าซื้อเป็นได้แค่ผู้ครอบครองและมีสิทธิใช้สอยทรัพย์เท่านั้น ดังนั้น หาก ลูกหนี้ไม่มีสินค้าไปคืน บริษัท A เขาก็จะแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์ได้
เรื่องนี้จึงเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะเจตนาจริง ๆ คือสัญญากู้เงิน แต่ถูกอำพรางด้วยสัญญาเช่าซื้อสินค้า ที่ฝ่ายผู้ให้กู้ได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 50 % ในช่วงเวลา 10 เดือน ซึ่งการกระทำเช่นนี้เจ้าหนี้จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ซึ่งทางคณะกรรมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบระดับชาติ ก็กำลังติดตามจัดการกับเจ้าหนี้นอกระบบกลุ่มอยู่เช่นกัน
ใครที่ประสบกับปัญหาในลักษณะดังกล่าว สามารถร้องเรียน ให้ข้อมูลและขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมในจังหวัดต่าง ๆ หรือ สายด่วน โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางไปรษณีย์ จ่าหน้าซอง ส่ง "ศูนย์ดำรงธรรม" กรุงเทพมหานคร ตู้ ป.ณ.1 ปณฝ.มหาดไทย กรุงเทพ ฯ 10206
ส่วนลูกหนี้นอกระบบที่ถูกฟ้องดำเนินคดีแล้ว และต้องการความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย โดยเฉพาะต้องการทนายความที่จะว่าความให้ฟรี ท่านสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานอัยการจังหวัดทุกแห่ง หรือ ที่สำนักคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ ฯ 10900 โทรศัพท์ 02-515-4048