ไอแซค นิวตัน
ระหว่างที่เกิดกาฬโรคระบาดในอังกฤษเมื่อปี 1665 ไอแซค นิวตัน หนุ่มวัย 22 ปีจำต้องออกจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เพื่อกลับมาศึกษาต่อด้วยตนเองที่บ้านถัดจากนั้นเพียงปีครึ่ง โรคร้ายก็เริ่มซาลง ในขณะที่นิวตันค้นพบหลักการพื้นฐานของแสงและสี ทั้งยังได้คิดค้นแคลลูลัสเชิงปริพันธ์และแคลลูลัสเชิงอนุพันธ์ตลอดจนเริ่มศึกษากฎแห่งความโน้มถ่วงด้วย
ก่อนหน้านั้นเคปเลอร์ได้ไขปริศนาเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์แล้ว แต่ที่นิวตันสงสัยคือ ทำไมดาวเคราะห์จึงต้องโคจรเป็นวงรี กล่าวกันว่าภาพแอปเปิ้ลที่หล่นสู่พื้นในสวนทำให้นิวตันเกิดแรงบันดาลในในการคิดกฎแห่งความโน้มถ่วงที่ว่า วัตถุ 2 ชิ้นดึงดูดกันด้วยแรงซึ่งแปรผันตามมวลของวัตถุ และแปรผกผันกับระยะทางระหว่างวัตถุยกกำลังสอง เมื่อนำกฎนี้มาผนวกเข้ากับกฎการเคลื่อนที่ซึ่งเขาคิดไว้ก่อนหน้านั้น เขาก็ค้นพบสูตรแคลคูลัสใหม่ที่นำมาอธิบายวงโคจรของดวงดาว ซึ่งเดิมเคปเลอร์เป็นผู้ค้นพบแต่ไมสามารถอธิบายได้ บัดนี้นิวตันไม่เพียงให้คำตอบได้เท่านั้น แต่เขายังนำสูตรดังกล่าวมาคำนวณการเคลื่อนที่ของเทหวัตถุต่างๆ ได้ด้วย
สิ่งที่เขาค้นพบปรากฏอยู่ในหนังสือที่โด่งดังตลอดกาลซึ่งมีชื่อว่า Philosophiae Naturalis Mathematica (Mathematical Principles of Natural Plilosophy) หนังสือเล่มนี้อธิบายถึงกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันที่รู้จักกันดีว่า “เมื่อมีแรงกิริยา (action) จะมีแรงปฏิกิริยา (reaction) ที่มีขนาดเท่ากันและมีทิศทางตรงข้ามเสมอ” นิวตันได้นำกฎแห่งความโน้มถ่วงไปอธิบายผลของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ที่มีต่อปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงบนโลก เขายังเป็นคนแรกที่คิดค้นกล้องโทรทรรศ์แบบสะท้อนแสง ซึ่งทำให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกราชสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งลอนดอนนอกจากนี้การที่นิวตันค้นพบปริซึมซึ่งสามารถแยกแสงออกเป็นสีต่างๆ ได้นำไปสู่มิติใหม่แห่งการศึกษาดวงดาวด้วยการวิเคราะห์สเปกตรัม
นิวตันเสียชีวิตในวัย 84 ปี ร่างของเขาถูกฝังไว้ในวิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีร่วมกับกษัตริย์และบิชอปมากมาย พร้อมคำจารึกอันคู่ควรบนหลุมฝังศพของเขาที่ว่า “เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายจงภาคภูมิใจที่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เคยดำรงชีพอยู่และได้สร้างเกียรติประวัติแก่พวกเราทั้งปวง”