ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




อุตสาหกรรมกระดาษไทย

อุตสาหกรรมกระดาษไทย

คาดอุตสาหกรรมกระดาษไทยแนวโน้มยังโตต่อเนื่อง หลังความต้องการยังเพิ่มไม่หยุด โดยกระดาษคราฟท์และกระดาษพิมพ์เขียนเป็นสินค้ายอดนิยม เนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษีและการรณรงค์ให้คนไทยรักการอ่านเพิ่มขึ้น
 อุตสาหกรรมกระดาษในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ปริมาณความต้องการบริโภคกระดาษในประเทศปี 2554 จะอยู่ที่ประมาณ 3.65 – 3.75 ล้านตัน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-7  โดยที่กระดาษคราฟท์ และกระดาษพิมพ์เขียนจะเป็นสินค้าหลักที่ผลักดันให้ตลาดในประเทศเติบโต
  ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ที่ต้องใช้กระดาษเป็นวัตถุดิบ โดยเฉพาะ บรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ทำให้บรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นที่นิยม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปที่คาดว่าจะมีภายในปี 2554 รวมถึงนโยบายของรัฐบาล เช่น การรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่าน มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน และมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการพิมพ์ของภูมิภาคอาเซียน
  ซึ่งจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้กระดาษในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่น่าสนใจคือ กระดาษอนามัย ซึ่งมีโอกาสขยายตลาดได้ เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ใช้ทั้งในครัวเรือน และธุรกิจบริการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล
 แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกระดาษยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความนิยมในการใช้ระบบเอกสาร/หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มมากขึ้น อาจมีผลต่อปริมาณการบริโภคกระดาษในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระดาษพิมพ์เขียน โดยแนวทางที่ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเพื่อลดต้นทุนในผลิตคือ ปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงานในการผลิตและลดการเกิดมลพิษจากการผลิต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการเพื่อบำบัดสิ่งแวดล้อม/ลดมลพิษที่เกิดจากการผลิตได้
 สำหรับตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นทั้งตลาดส่งออกและนำเข้า โดยไทยมีโอกาสที่จะขยายการส่งออกในสินค้ากระดาษพิมพ์เขียน กระดาษคราฟท์และกระดาษอนามัย ส่วนการนำเข้า กระดาษกระดาษพิมพ์เขียน กระดาษคราฟท์ยังคงเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตลาดนำเข้าเช่นกัน โดยเป็นการนำเข้ากระดาษคุณภาพสูงเพื่อใช้ในงานเฉพาะประเภท และกระดาษที่มีราคาถูกจากจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งได้อานิสงค์การปรับลดภาษีจากการเปิดเขตการค้าเสรี นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าการนำเข้ากระดาษอนามัยและกระดาษแข็งในปี 2554 จะมีความสำคัญมากขึ้น








เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน