เบ็ดเสร็จสุดท้าย "แกนนำคนเสื้อแดง" ก็ผงาดเข้ามาครอง "ตำแหน่งทางการเมือง" ทั้งเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เกือบครบทุกตำแหน่ง หลังพลาดหวังเก้าอี้ "รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี" ไปในช่วงจัดโผ ครม. "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ชื่ออย่าง "อารี ไกรนรา" อดีตหัวหน้าการ์ดคนเสื้อแดง ได้นั่งเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย
"ยศวริศ ชูกล่อม" หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" ดาวตลกแดง ได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย
"ชินวัฒน์ หาบุญพาด" แกนนำชมรมคนแท็กซี่ ได้นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม
"สมหวัง อัศราสี" รักษาการรองประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์
รวมไปถึง "มือขวา" เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) ในการชุมนุมคนเสื้อแดง อย่าง "พงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง" ได้นั่ง "ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี"
ยังไม่รวมคนอื่นๆ อีกกว่า "30 ชีวิต" ที่ดำรงสถานะ "แกนนำคนเสื้อแดง" แล้วได้รับการแต่งตั้งในคราวเดียวกัน
ด้านหนึ่งมองได้เพียงว่าเป็น "บำเหน็จ" ความดีความชอบ ที่ต้องตกรางวัลให้ หลัง "คนเสื้อแดง" แสดงบทบาทในฐานะ "ฐานกำลังหลัก" ของพรรคเพื่อไทย ในภารกิจโค่นล้ม "รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์"
พร้อมกรุยทางนำพาพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น 265 เสียง ส่ง "ยิ่งลักษณ์" ขึ้นเป็น "นายกรัฐมนตรี" ได้ในท้ายที่สุด
อีกด้านเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ "ฝ่ายตรงข้าม" ซึ่งจำเป็นต้องจัดวาง "ขุนพลเสื้อแดง" ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อน "มวลชน" ไว้ใน "ตำแหน่งทางการเมือง" เพื่อให้เกิดการยึดโยงระหว่างรัฐบาล-พรรค-ประชาชน
ซึ่งตามเกมการต่อสู้ "ไพร่แดง" จะเป็น "เครื่องมือหลัก" ในการบล็อกและต่อกรกับ "อำมาตย์"
ทั้งหมดถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เมื่อน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก เมื่อ "แกนนำคนเสื้อแดง" มีส่วนสำคัญในความสำเร็จของพรรคเพื่อไทย ก็ย่อมมีส่วนได้รับบำเหน็จรางวัล-มีโอกาสได้รับการจัดสรรอำนาจให้หลังเสร็จศึก
การที่ "พลพรรคเพื่อไทย" และ "แกนนำคนเสื้อแดง" พยายามชี้แจงว่าการแต่งตั้งคนกลุ่มนี้ พิจารณาจากความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะ "รัฐบาล" ไม่มีนโยบายที่จะปิดกั้นใครที่จะเข้ามาทำงานปฏิบัติหน้าที่
พร้อมเน้นย้ำว่า "คดีความ" ที่ติดตัวคนเหล่านี้ ยังไม่ถึงที่สุด ดังนั้น ยังถือว่าคนกลุ่มนี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์
ตามกฎหมายนั้นดู "พูดง่าย แต่ฟังยาก" เพราะข้อเท็จจริง-พฤติกรรมในอดีตของพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง แตกต่างจากสิ่งที่เพิ่งพูดขึ้นอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ "แกนนำคนเสื้อแดง" และ "แกนนำพรรคเพื่อไทย" ต่างเคยขับไล่ให้ "นายกษิต ภิรมย์" ลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เพราะไม่สง่างามที่ผู้ต้องหาคดียึดสนามบิน จะได้เลื่อนชั้นเป็นผู้บริหารบ้านเมือง
เคยโจมตีอย่างหนักต่อกรณีที่ ครม. "อภิสิทธิ์" แต่งตั้ง "แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่เคยร่วมบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เข้ามารับตำแหน่งเลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ที่สำคัญคือ ช่วงก่อน-ระหว่าง-หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 "แกนนำคนเสื้อแดง" และ "พรรคเพื่อไทย" เรียกร้องให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี และ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินเข้าสู่ "กระบวนการยุติธรรม" ตามกฎหมาย และ "ลาออก" จากตำแหน่ง เพื่อให้ "กระบวนการยุติธรรม" สามารถดำเนินการกับ "ผู้ต้องหา" คดีฆ่าประชาชนได้อย่างอิสระ
วันนี้ "แกนนำคนเสื้อแดง" ที่เพิ่งได้รับ "บำเหน็จความชอบ" จาก "ครม.ยิ่งลักษณ์" จนกลายเป็น "ไพร่" ที่มี "บรรดาศักดิ์" ก็ล้วนแต่มีชนักปักหลังเป็น "คดีร้ายแรง" ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็น "คดียุยงปลุกปั่น-ก่อความไม่สงบ" ไปจนถึง "คดีก่อการร้าย" บางรายร้ายแรงถึงขนาดเป็นผู้ถูกกล่าวหา "คดีหมิ่นเบื้องสูง"
แม้วันนี้ "ศาล" ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่คำถามสำคัญอยู่ที่ว่าเหมาะสมหรือไม่?
ซึ่งต้องวัดจาก "สำนึกสาธารณะ" ของ "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เหล่านี้!!!