คัดกรองพันธุกรรมรักษาธาลัสซีเมีย
ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ประสบความสำเร็จในการรักษาโรคธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจาง
ด้วยการนำสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดของบุตร ที่ผ่านการคัดกรองภาวะธาลัสซีเมีย มาใช้รักษาบุตรคนพี่ในครอบครัว ซึ่งถือเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อใช้รักษาโรคธาลัสซีเมียให้หายขาดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
การคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อน ที่ปลอดโรคธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจาง และมีเซลล์ที่เข้ากันได้ระหว่างพี่และน้อง เพื่อใช้ในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดในการรักษาโรคธาลัสซีเมียถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทำให้พี่น้องในครอบครัวหายขาดจากโรคธาลัสซีเมียเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ผู้อำนวยการแพทย์และสูตินรีแพทย์ของศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยมีสถิติผู้เป็นพาหะโรคธาลัสซีเมียประมาณร้อยละ 30 ของประชากรทั้งประเทศ และมีผู้ป่วยใหม่ที่เกิดจากพ่อและแม่ที่เป็นธาลัสซีเมียประมาณ 1 หมื่นรายต่อปี ซึ่งผู้ป่วยธาลัสซีเมียจะต้องรับการรักษาโดยใช้สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้ เพื่อใช้ในการรักษา โดยคนทั่วไป1 ใน 3 หมื่นคน จะมีโอกาสมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้กับผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และพี่น้องจะมีโอกาส 1 ใน 25 ทำให้การนำสเต็มเซลล์จากพี่น้องมาใช้ในการรักษามีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
สำหรับขั้นตอนนี้จะเริ่มจากการคัดกรองตัวอ่อนที่ปลอดจากภาวะธาลัสซีเมีย และตรวจความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ ก่อนย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกของมารดา เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ เมื่อมารดาคลอดบุตรออกมาแล้ว จะเก็บสเต็มเซลล์จากรกและสายสะดือ เพื่อใช้ในการรักษาบุตรคนพี่ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียได้ เนื่องจากทารกที่เพิ่งคลอดออกมานี้มีการคัดกรองภาวะธาลัสซีเมียแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าสเต็มเซลล์จากทารกนี้จะสามารถนำไปใช้รักษาบุตรอีกคนที่เป็นโรคธาลัสซีเมียได้
ปัจจุบันคนไทยมีความเสี่ยงเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมียถึง 1 ใน 3 โดยปัจจัยสำคัญในการป้องกันโรคธาลัสซีเมีย คือ การคัดกรองทางพันธุกรรม ซึ่งหากสู่สมรสมีการคัดกรองภาวะพาหะโรคธาลัสซีเมียก่อนตั้งครรภ์ จะช่วยประเมินความเสี่ยงของโรคนี้ได้
Produced by VoiceTV
by VoiceNews
2 กันยายน 2554 เวลา 22:19 น.