รวมหลักฐานมัดมือแฮกทวีตไอซีทีจ้องรวบตัว ตท.10หนุนบิ๊กอ๊อดล้วงกองทัพไทย

'ยิ่งลักษณ์' ปล่อย 'ไอซีที' เชือดมือแฮกทวิตเตอร์ 'อนุดิษฐ์' สั่งแกะรอยจากการใช้คอมพิวเตอร์ พบเบาะแสประสานตร.รวบตัว "เฉลิม" เชื่อพวกซน มือคันอยู่ไม่สุข ด้าน "ศิริโชค" แนะสอบคนในทีมงานนายกฯ สงสัยเล่นกันเอง ไม่พอใจนโยบายทำงานแล้วขัดขากันเอง ปชป.เขย่า 9 ปมร้อนรัฐบาลแพ้ภัยตัวเอง ห่วงไร้ประสิทธิภาพทำงานตามที่หาเสียงเอาไว้ ตท.10 สายเพื่อไทย หนุน "บิ๊กอ๊อด" โละพ.ร.บ.กลาโหม ชี้บริหารแล้วไม่มีอำนาจ ลูกน้องไม่กลัว "วิโรจน์" ชี้เป็นกฎหมายที่คลอดจากคมช. ไม่ใช่มาจากประชาชน "ตู่" ยันกลาโหมรับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวชนวนรัฐประหาร ไม่ได้พูดมั่ว ตอบโต้ "พล.อ.วิชญ์" เชื่อเชื้อไฟเก่าปะทุอีกรอบ "อุทัย" ตั้งคำถามนิติราษฎร์จะล้างความผิดรัฐประหารย้อนหลังกี่ครั้ง แนะให้เวลารัฐบาลโชว์ผลงานขณะที่ ก.พ.ร.ชงตั้งงบปี 56 แจกโบนัสข้าราชการผลงานเด่นในปีหน้า

รู้มือแฮกทวิตเตอร์นายกฯ
   
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 9 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) อาคารศูนย์ราชการ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศฯ แถลงข่าวถึงกรณีแฮกเกอร์แฮกข้อมูลทวิตเตอร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 10.43 น. ของวันที่ 2 ต.ค.ว่า แฮกเกอร์ลักลอบใช้บัญชีทวิตเตอร์ของนายกฯ โพสต์ข้อความ 8 ข้อความ ซึ่งการลักลอบใช้ทวิตเตอร์เสมือนเป็นการแฮก ซึ่งมีความผิดหลายประการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการ กระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ทั้งนี้กระทรวงไอซีทีได้รับเบาะแสผู้กระทำความผิดแล้ว แต่ต้องรวบรวมข้อมูลให้แน่นหนาก่อนที่จะจับกุม ส่วนประชาชนที่โดนเหตุการณ์อย่างนายกฯ สามารถแจ้งที่ไอซีทีได้
   
รมว.ไอซีที กล่าวต่อว่า ทวิตเตอร์ที่ถูกแฮกนี้เป็นทวิตเตอร์ที่นายกฯใช้ในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีทีมงานร่วมทำงานด้วย การที่จะวิเคราะห์ว่าใครกระทำต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดและตำรวจต้องติดตามเบาะแส ส่วนเมื่อไหร่จะได้ตัวผู้กระทำความผิด ขณะนี้ทั้งกระทรวงฯและตำรวจได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้รับทราบเกี่ยวกับข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์แล้ว

เป็นกลุ่มไม่เห็นด้วยลงมือ
    
"ผมเข้าใจว่าคนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อการสื่อสาร ไม่ใช่เรื่องที่เป็นทางการซึ่งเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน ตั้งแต่ลงทะเบียนใช้งาน ผู้ให้บริการได้แจ้งถึงระดับความปลอดภัยไว้แล้ว แต่กรณีที่ผู้ประสงค์ไม่ดีเข้ามาแฮกทวิตเตอร์อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบาย ซึ่งเป็นการแสดงออกโดยวิธีนี้" รมว.ไอซีที กล่าว และระบุว่า สำหรับขณะนี้นายกฯ ได้ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านโชเซียลเน็ตเวิร์กผ่านที่ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก Y.shinawatra
   
ทั้งนี้ทางเว็บไซต์  แหล่งข่าวรายงานว่า การเข้าถึงบัญชีทวิตเตอร์ของนายกฯ ผู้เจาะระบบอาจทราบรหัสผ่านของบัญชี น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยวิธีแอบดักข้อมูลรหัสผ่านระหว่างการสื่อสาร (กรณีที่ไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อแบบ HTTPS ซึ่งเข้ารหัส) หรือสามารถเข้าถึงบัญชีและโพสต์ข้อความได้ ด้วยวิธีที่เรียกว่า "ปล้นเซสชัน" (session hijacking) เป็นการขโมยการล็อกอินบนเว็บ โดยวิธีการ "ปล้นคุกกี้" (cookie theft) โดยอาศัยรูโหว่ของเว็บไซต์จำนวนมากที่เข้ารหัสเฉพาะข้อมูลรหัสผ่าน แต่ไม่ได้เข้ารหัสข้อมูลคุกกี้ ซึ่งรูรั่วดังกล่าวนี้เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นในปัจจุบัน จากความนิยมในการใช้เครือข่ายไร้สาย (wifi) ซึ่งเครือข่ายไร้สายจำนวนมาก มักไม่ได้มีการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย ทำให้ใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ จะสามารถดักข้อมูลทุกอย่างที่วิ่งในระบบเครือข่ายนั้นได้จนนำไปสู่การปล้นคุกกี้ดังกล่าว

"ปู"รับทราบรอไอซีทีเชือด
   
ที่หอประชุมกองทัพเรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามบุคคลที่แฮกข้อมูลในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว "Twitter @Pou Yingluck" ว่า ขอให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องสืบดูข้อมูลก่อน และขอดูข้อมูลข้อเท็จจริงอีกครั้ง ขณะนี้ตนก็ยังเข้าทวิตเตอร์ของตัวเองไม่ได้ ดังนั้นต้องขออนุญาตปิดชั่วคราวก่อนจนกว่าเราจะทราบสถานะและรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า พอจะรู้เบาะแสหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานมาก็ทราบเบาะแสแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผยข้อมูล ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานจนเรียบร้อยก่อน จากนั้นก็จะมีการชี้แจงให้ทราบ
   
เมื่อถามว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (ไอซีที) รายงานให้ทราบหรือไม่ว่าคนที่แฮกข้อมูล อยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รายงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขอให้ รมว.ไอซีทีเป็นผู้ชี้แจงดีกว่า เมื่อถามว่า คิดว่าคนที่แฮกข้อมูลมีวัตถุประสงค์อะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการล่วงสิทธิส่วนบุคคล ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเรื่องนี้
เป็นหนึ่งขบวนการจ้องล้มล้างรัฐบาลตามที่พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้ข้อมูลทุกอย่างปรากฏก่อนดีกว่า

"เฉลิม"เชื่อเป็นพวกมือคัน
   
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีการแฮกข้อมูลในทวิตเตอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า นายกฯมีความเข้มแข็ง เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบันได 9 ขั้นเพื่อล้มรัฐบาล แต่คงเป็นพวกซนมากกว่า ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่มีผลอะไรกับรัฐบาล และคงไม่ทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้น นอกจากนี้ ขอชี้แจงกรณีที่สื่อบางฉบับเขียนข้อมูลระบุว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เคยเป็นหน้าห้องของตนว่า ไม่เป็นความจริง ตนรู้จักนายจุลสิงห์เท่าที่คนในสังคมรู้จักเท่านั้น

"ศิริโชค"สับรมต.ไม่รู้จริง
    
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแฮกบัญชีทวิตเตอร์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯว่า จากการติดตามการทำงานและการให้สัมภาษณ์ของน.อ.อนุดิษฐ์ แล้วรู้สึกมีความเป็นห่วง เพราะดูเหมือนรมว.ไอซีที จะมีความรู้ความสามารถเรื่องไอซีทีน้อยมาก เช่น การให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าการได้มาซึ่งรหัสการเข้าบัญชีทวิตเตอร์ของนายกฯนั้น น่าจะเป็นการดักข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสลิป จริง ๆ แล้วเป็นการใช้ศัพท์ที่ผิด เพราะศัพท์ที่แท้จริงคือ สนิฟ หรือสนิฟเฟอร์ ทั้งนี้ เข้าใจว่าเป็นข้อมูลที่ได้มาจากข้าราชการ เพราะกระทรวงไอซีทีเคยคิดที่จะบังคับให้ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตทุกคนในประเทศไทยติดโปรแกรมสนิฟเฟอร์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้วิเคราะห์การส่งข้อมูลในเครือข่าย แต่ต่อมาถูกต่อต้านจึงต้องพับโครงการไป
   
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าข้อมูลที่ได้มานั้นไม่น่าได้มาจากโปรแกรมสนิฟเฟอร์ เนื่องจากแฮกเกอร์ต้องรู้เป้าหมายเครือข่ายและบุคคลที่จะไปดักข้อมูล และต้องไปดักข้อมูลจากเครือข่ายนั้น ๆ ซึ่งเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะเครือข่ายมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น เช่น มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ข้อมูลที่ดักได้ไม่สามารถอ่านได้ทั้งนี้ตนเห็นว่าการทำความผิดนั้นต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจุดที่ข้อมูลถูกขโมย และจุดที่ข้อมูลถูกนำไปใช้ ขณะนี้กระทรวงไอซีทีไปเน้นในจุดที่ข้อมูลถูกนำมาใช้ ซึ่งเป็นการไปหาข้อมูลที่ปลายเหตุ โดยมีการให้ข่าวในทำนองว่าใช้ไอโฟนในการแฮก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีแอพพลิเคชั่นในไอโฟนที่ใช้ในการแฮกได้ และผู้นำไปใช้อาจอำพรางตัวโดยใช้พร๊อคซี่ และลบร่องรอยทั้งหมดทำให้ยากต่อการติดตาม

แนะไปสืบต้นตอทีมนายกฯ
   
นายศิริโชค ยังกล่าวว่า ตนขอแนะนำให้กระทรวงไอซีทีไปหาข้อมูลที่ต้นเหตุคือ จุดที่ข้อมูลถูกขโมย ต้องเอาคอมพิวเตอร์ของทีมงานนายกฯ ทุกคนมาตรวจหาโปรแกรมประเภทมัลแวร์ เช่น โปรแกรมโทรจัน ซึ่งอาจถูกติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ตนเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าทีมงานนายกฯ อาจใช้คอมพิวเตอร์ที่มีรหัสเข้าบัญชีทวิตเตอร์นายกฯ ไปท่องในอินเทอร์เน็ตและไปดาวน์โหลดเอาโปรแกรมประเภทนี้มา ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดกับผู้ที่มีบัญชีธนาคารออนไลน์กับธนาคารกรุงไทยและถูกเบิกเงินออกไปใช้อย่างไม่รู้ตัวมาแล้ว หากตรวจคอมพิวเตอร์ทีมงานนายกฯ แล้วไม่พบว่ามีโปรแกรมดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีความขัดแย้งภายในของทีมงาน ซึ่งอาจไม่พอใจนโยบายที่มาเน้นช่วยคนรวยมากกว่าคนจน จึงนำรหัสการเข้าบัญชีทวิตเตอร์นายกฯ ไปให้กับผู้อื่นเพื่อใช้ในการโจมตี
   
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงไอซีทีตามเบาะแสคนแฮกทวิตเตอร์นายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องอาชญากรละเมิดสิทธิ ในการเข้าไปแฮกข้อมูลของบุคคลอื่น แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเร่งทำเรื่องนี้ แต่กลับปล่อยปละละเลยในการดำเนินการจัดการเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานโพสต์ข้อความชัดเจน

เผย 9 ประเด็นรัฐบาลล้ม
   
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุถึงแผนยุทธศาสตร์ 9 ข้อจ้องล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า เป็นการพูดที่ไร้สาระและจงใจสร้างประเด็นเพื่อให้สังคมเกิดความแตกแยกโดยไม่มีข้อมูลจริง การที่รัฐบาลจะล้มได้น่าจะมาจากการที่รัฐบาลทำตัวเอง ใน 9 ข้อคือ 1.การที่นายกรัฐมนตรีไร้ความสามารถขาดภาวะผู้นำ บริหารงานผิดพลาดบ่อยครั้ง รวมถึงถูกแทรกแซงการทำงานจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งเป็นพี่ชาย 2.การที่รัฐบาลกระเหี้ยนกระหือรือเอาแต่โยกย้ายข้าราชการโดยปราศจากความเป็นธรรม 3.การที่รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแนวทางที่หาเสียงไว้
   
4.การปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย พยายามแทรกแซงการทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ 5.ปล่อยให้กระบวนการหมิ่นสถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่โดยไม่มีการจัดการ 6.การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคดีของคนเสื้อแดง 7.การปล่อยให้สินค้าอุปโภค-บริโภค แพงมากขึ้น 8.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้ และ 9.ความพยายามเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

"มาร์ค"ห่วงดีเอสไอเปลี่ยนสี
   
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุมีขบวนการล้มรัฐบาลโดยมีการใช้แผนการ 9 ข้อว่า พรรคเพื่อไทยคิดแต่เรื่องแบบนี้ ปัญหาประชาชนถึงมาทีหลัง จนทำให้เรื่องน้ำท่วม ของแพง ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับความพยายามที่จะจุดประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง ตนคิดว่ารัฐบาลทำงานไปให้ดีก่อนเพราะเป็นรัฐบาลที่มาตามระบบรัฐสภาอยู่แล้ว
   
เมื่อถามถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมายอมรับว่าจากนี้ไปหลายคดีอาจจะได้รับผลกระทบเพราะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะคดีก่อการร้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องอธิบายให้ชัดว่านโยบายคืออะไร ถ้าเป็นนโยบายที่ไปตามหลักการของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มีข้อเท็จจริงที่ปรับเข้าได้ก็คงไม่เป็นไร ถ้าหากเป็นเรื่องของการทำไปให้ผิดหลักกฎหมายคงทำไม่ได้ และตัวอธิบดีหรือเจ้าหน้าที่เองก็ต้องระมัดระวัง เพราะในที่สุดตัวเองก็อาจตกเป็นจำเลยเสียเองก็ได้ ทั้งหมดอยู่ที่การปฏิบัติ เมื่อถามย้ำว่ายังมีความหวังในตัวนายธาริต มากน้อยขนาดไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่านายธาริตจะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ตนแนะนำจากตนเสมอว่าการทำอะไรตรงไปตรงมาถือเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด

ตท.10หนุนแก้พ.ร.บ.กลาโหม
   
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี แกนนำ ตท.10 ในพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางรายและแกนนำกลุ่ม นปช.เสนอให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยว่าพ.ร.บ.ดังกล่าวสมควรได้รับการแก้ไข เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจสั่งการแต่งตั้งโยกย้ายอะไรได้เลยผลที่ตามมาคือจะบริหารงานจะทำอะไรก็ลำบาก หากจะให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการเมืองเข้าไปแทรกแซง ทุกกระทรวงก็ไม่เห็นมีระเบียบลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ในกลุ่ม ตท.10 ในพรรคเพื่อไทยซึ่งเห็นตรงกันว่าควรแก้ไข เพราะถ้ารัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้เลย ก็สั่งการลำบาก ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏว่ามีกฎหมายลักษณะนี้เพิ่งมามียุค คมช.

พล.ท.มะ โพธิ์งาม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและสมาชิก ตท.10 กล่าวแสดงความเห็นด้วยว่าสมควรแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหม โดยพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ในฐานะรมว.กลาโหม ควรเป็นผู้ริเริ่ม เพราะกฎหมายดังกล่าวทำให้รัฐมนตรีไม่มีอำนาจอะไรเลย หากให้บริหารแล้วทำอะไรไม่ได้ ไม่มีอำนาจสั่งการแต่งตั้งโยกย้าย ก็จบ เหมือนอธิบดีที่แต่งตั้งโยกย้ายใครไม่ได้ ก็ไม่มีใครปฏิบัติตามคำสั่ง เป็นอย่างนี้ไม่ต้องบริหารเสียดีกว่า ถ้าจะให้บริหารเราต้องมีดาบพร้อม การแต่งตั้งโยกย้ายต้องพิจารณาร่วมกันทั้งฝ่ายผู้นำองค์กรและฝ่ายบริหาร

ทำคลอดมาจากสมัยคมช.
   
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นโดยระบุว่าส่วนตัวไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ศึกษารายละเอียดของพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ดังนั้นไม่ขอแสดงความเห็นเพราะเดี๋ยวพูดผิด
   
ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้ส่งพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ให้กฤษฎีกาตีความว่าถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลคมช. ไม่ได้เป็นกฎหมายที่ออกจากสภาที่มาจากประชาชน เรื่องนี้จึงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ซึ่งสามารถนำมาแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยส.ส.เข้าชื่อกันเสนอให้สภาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการหารือกัน อย่างไรก็ตามเห็นว่านอกจากกฎหมายดังกล่าวแล้วยังมีพ.ร.บ.อีกหลายฉบับที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สมควรได้รับการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

"ตู่"แย้งแค่ชี้ชนวนปฏิวัติ
   
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. แถลงถึงกรณีที่ได้เปิดเผยว่ามีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นหมอ โดยมีทหารจากหน่วยรบพิเศษซึ่งถูกส่งไปฝึกที่อิสราเอลมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ว่า ในเรื่องดังกล่าวตนได้แจ้งไปยังที่ปรึกษารมว.กลาโหมให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่าทหารชุดดังกล่าวเคยสังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลของกองพลที่ 1 จริง แต่ปัจจุบันชื่อได้ถูกถอดออกจากหน่วยดังกล่าวแล้ว ขณะนี้กำลังตรวจเช็กว่าย้ายสังกัดกลุ่มไหนแน่ แต่ที่น่าสนใจคือกรณีของพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานคณะที่ปรึกษาผบ.ทบ.ที่ออกมาพูดในลักษณะข่มขู่ตน
   
นายจตุพร ยังกล่าวว่า พล.อ.วิชญ์ เป็นนายทหารนอกราชการ ไม่ทราบว่าเอาเกียรติยศอะไรมายืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้กระทรวงกลาโหมก็ยืนยันเป็นการภายในแล้ว และพล.อ.วิชญ์ ยังฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ตนไม่ได้บอกว่าทหารกลุ่มนี้จะยึดอำนาจ เพียงแต่ชี้ให้เห็นเหตุการณ์มีสัญญาณเหมือนกับก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ที่ทหารบางหน่วยถูกส่งไปเป็นการ์ดให้กับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นสิ่งที่ตนต้องการบอกคือเรียกให้ทหารเหล่านี้กลับกรมกองเสีย และขอให้ พล.อ.วิชญ์ ตรวจสอบในเรื่องนี้และควรระมัดระวังคำพูดเช่นกัน เพราะแม้แต่กองทัพบกเองยังไม่กล้าแถลงในเรื่องนี้ คนที่เป็นอดีตข้าราชการจะเอาอะไรมาเดิมพัน

เชื่อเชื้อไฟเก่าคุอีกรอบ
   
"กองทัพปล่อยนายทหารกลุ่มนี้อยู่แวดล้อมคนที่มาต่อต้านรัฐบาลได้อย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นลางบอกเหตุของกระบวนการโค่นล้มรัฐบาลที่พวกผมจะต้องติดตาม เพราะเมื่อเกิดเหตุพวกผมจะต้องไปต่อสู้ บาดเจ็บล้มตาย และขอเตือนฝ่ายข่าวของรัฐบาลให้ติดตามจิ๊กซอว์ต่าง ๆ ให้ดี เพราะปรากฏการณ์นี้ไม่ธรรมดา การเปิดประตู 19 ก.ย. 2549 เป็นอย่างไร ครั้งนี้เหมือนกันทุกกรณี ดังนั้นเราจะประมาทไม่ได้เลย" นายจตุพร กล่าว
   
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล ที่ปรึกษารมว.กลาโหม เสนอให้กฤษฎีกาตีความพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมพ.ศ. 2551 ว่า ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ออกโดย คมช. และคณะกรรมาธิการที่ยกร่างกฎหมายฉบับนี้ล้วนแล้วแต่เป็นซูเปอร์สตาร์ในบูรพาพยัคฆ์แทบทั้งสิ้น ที่สำคัญในการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้องค์ประชุมสภาไม่ครบองค์อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกตนจะต้องต่อสู้กันต่อไป กฎหมายฉบับนี้เป็นผลไม้พิษ ดังนั้นเราจะต้องจัดการผลไม้พิษเหล่านี้ให้เป็นประชาธิปไตย นอกจากกฎหมายดังกล่าวแล้วยังรวมไปถึงกฎหมายอีก 170 ฉบับที่มีลักษณะเดียวกันคือผ่านสภาโดยที่ไม่ครบองค์ประชุม

ตั้งงบแจกโบนัสขรก.ปี 55
   
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. ให้สัมภาษณ์ว่า ทางสำนักงานก.พ.ร.จะเสนอให้ทางรัฐบาลเตรียมเงินรางวัลสำหรับข้าราชการที่สามารถปฏิบัติงานได้ผลงานตามตัวชี้วัดเป้าหมายที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยได้เสนอเอาไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินเตรียมงบประมาณเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง และคงต้องเสนอเข้าไปอีกทีในกระบวนการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 โดยต้องใช้เงินประมาณ 6,250 ล้านบาท เราจะใช้เงินงบประมาณปีงบ 2556 กลับมาจ่ายสำหรับการปฏิบัติงานในปี 2555 ซึ่งเท่าที่หารือกับนายกฯและนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการแล้ว นายกฯบอกว่าจะพยายามเตรียมงบเอาไว้ให้ เพราะได้ประกาศเอาไว้แล้วว่าจะดูแลสร้างความสุขให้แก่ข้าราชการ
   
เลขาธิการก.พ.ร. กล่าวว่า ส่วนปี  2554 คงต้องกลับมาดูอีกครั้งว่าจะมีงบประมาณของปีงบฯ 2555 เพียงพอที่จะดำเนินการหรือไม่ ถ้าไม่มีก็อาจจะต้องใช้งบเหลือจ่ายไปก่อนเหมือนเดิม ขณะนี้ต้องรอดูตัวเลขงบประมาณเหลือจ่ายจากกรมบัญชีกลางประมาณวันที่ 15 ต.ค.ไปแล้ว โดยปกติที่ผ่านมาการดำเนินการที่ดำเนินการมาทางรัฐบาลจะตั้งงบประมาณเป็นเงินรางวัลเอาไว้ให้ แต่ตั้งแต่ปี 2551-2553 ที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้ต้องไปใช้เงินเหลือจ่ายของแต่ละส่วนราชการเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือบางส่วนราชการไม่มีเงินเหลือจ่ายจึงไม่สามารถจ่ายเป็นเงินรางวัลได้ เราจึงได้เสนอรัฐบาลชุดนี้ไปว่าควรจะตั้งงบเป็นเงินรางวัลประจำปีน่าจะดีกว่า เพราะจะได้ดูแลได้ครบถ้วน

จะล้างรัฐประหารได้กี่ครั้ง
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภา ได้เดินทางมาพบนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ห้องทำงานชั้น 8 อาคาร บี เฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยเข้าพบไม่ถึง 10 นาที ก็ได้เดินออกมาจากห้องประธานกกต. พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เดินทางมาพบนายอภิชาต เนื่องจากว่าเป็นเพื่อนเนติบัณฑิตรุ่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ได้เดินทางมาบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้าฯ แต่เมื่อผ่านมาแถวนี้แล้วก็เลยมาทักทาย เดี๋ยวจะหาว่ามาแล้วไม่เข้ามาทักทายกันบ้าง
   
อย่างไรก็ตาม นายอุทัย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีที่ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ที่ออกมาให้ลบล้างผลพวง 19 ก.ย. ว่า การปฏิวัติเราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เมื่อไม่เห็นด้วยแล้วที่มีการทำรัฐประหารที่ผ่านมาจำนวนหลายครั้งจะทำอย่างไร ส่วนจะเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ ตนไม่ทราบรู้แต่เพียงว่าทำแล้วจะดีหรือไม่และจะทำได้หรือไม่ เมื่อถามอีกว่า เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) หรือไม่ นายอุทัย กล่าวว่า ตนยังไม่รู้ในรายละเอียดการทำงานของคณะทำงานชุดนี้ แต่โดยส่วนตัวคงไม่เข้าไปร่วมกับคณะทำงานชุดนี้แต่อย่างใด เพราะว่าตนทำงานมามากแล้ว ซึ่งคนก็อาจเบื่อได้

"อุทัย"แนะให้เวลารัฐบาล
   
เมื่อถามว่าขณะนี้มีขบวนการที่จะทำการรัฐประหาร นายอุทัย กล่าวว่า ก็เป็นธรรมชาติทางการเมือง รัฐบาลเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีคนจ้องจะล้ม แต่เหตุการณ์การเมืองก็ปกติ ตนก็ดู ๆ อยู่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เพราะไม่มียุคไหนที่จะวุ่นเท่าก่อนการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า ตอนนี้โพลหลายสำนักสำรวจคะแนนนิยมของรัฐบาลตกลง นายอุทัย กล่าวว่า รัฐบาลเริ่มทำงานได้เพียง 1 เดือน เหมือนกับเด็กที่เพิ่งหัดเดิน ก็ต้องมีล้มลุกคลุกคลานกันบ้าง ขาหักกันบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปขาก็จะประสานกันดีขึ้น ดังนั้นก็ต้องให้เวลารัฐบาลทำงานบริหารประเทศ
   
ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่าการทำงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ มีพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังตลอดนั้น ตนก็เห็นว่า สองคนนี้เขาเป็นพี่เป็นน้องกันคงแยกกันไม่ได้ เราในฐานะประชาชนก็คงต้องดูผลงานและพฤติกรรมกันต่อไป เพราะประชาชนยังเป็นผู้ตัดสินอยู่ ส่วนจะให้ตนไปแนะนำอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นดอกเตอร์ เป็นมหาเศรษฐี เป็นผู้บริหารด้านการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดใหญ่และสุดท้ายก็เป็นถึงนายกรัฐมนตรี.