ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




วิธีตรวจสอบยาหมดอายุด้วยตัวเอง

                                      

“การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ภาษิตฮิตติดหูที่คนสบายดีคงไม่เข้าใจ แต่สำหรับผู้ที่เจ็บป่วยแล้ว ยาเป็นหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต ยาสามารถช่วยรักษาโรคให้หายขาดได้ถ้ารู้จักใช้และยานี้เองก็มีผลเสียต่อสุขภาพถ้าใช้ในทางที่ผิด วันนี้สาระน่ารู้มีวิธีตรวจสอบยาหมดอายุมาฝากกันครับ โดยให้เครดิตกับโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

1. ดูจากวันหมดอายุที่พิมพ์ไว้ที่ฉลาก กล่องหรือแผงบรรจุยา ซึ่งมักจะระบุเป็นภาษาไทยว่า “วันหมดอายุ”หรือ “ยาสิ้นอายุ” หรือระบุเป็นภาษาอังกฤษว่า “Exp. Date” หรือ “Expired Date” หรือ “Exourt Date” หรือ”Use before” เป็นต้น ถ้ายานั้นอยู่นานเกินกว่าวันที่ระบุไว้ก็ไม่ควรนำมาใช้

2. ดูจากวันที่ผลิตมักจะระบุควบคู่กับวันหมดอายุ ยาบางชนิดที่ผลิตมานาน เกินกว่า 5 ปี ไม่ควรใช้ เพราะตัวยาบางอย่างอาจเสื่อมสภาพได

3. ดูจากสภาพของยา ดังนี้

3.1 ยาเม็ด ให้ดูว่ามีสีต่างไปจากเดิมหรือไม่ ถ้าเป็นเม้ดยาที่เคลือบน้ำตาล เม็ดยาต้องไม่แตก ไม่เยิ้ม ถ้าเป็นชนิดแคปซูลต้องไม่บวมพอง และไม่มี
ตัวยาซึมออกมา
3.2 ยาน้ำ ถ้าเป็นชนิดน้ำใส ยาที่ดีต้องไม่มีตะกอน ไม่แยกชั้น สี กลิ่น รสของยาต้องไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นยาน้ำแขวนตะกอนต้องไม่จับกันเป็นก้อนแข็ง หรือเละ เขย่าไม่ออก
3.3 ยาครีม เนื้อยาต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกตัวเป็นน้ำใส และเนื้อครีมต้องไม่หยาบ
3.4 ยาหยอดตา ไม่ควรมีลักษณะขุ่นหรือตกตะกอน ยาหยอดตาบางชนิดต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำ เช่น ในตู้เย็น ช่องธรรมดา เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของยาก่อนกำหนด โดยทั่วไปเมื่อเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บนานเกิน 1 เดือน

4. หากฉลากยาไม่ปรากฎข้อมูลความชัดเจนใด ๆ ไม่แน่ใจว่าได้มาอย่างไร เมื่อไร ก็ไม่ควรใช้ยานั้น

5. การเก็บรักษายาที่ดี ควรจัดเก็บในภาชนะที่เหมาะสม เช่น กระปุกยา ซองยา ฯลฯ จัดไว้ให้เป็นที่เป็นทางเช่น ในตู้ยา ในกล่อง ในถุง ในลิ้นชัก หรือในตู้ เป็นต้น ซึ่งมีสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงทั้งแสงความร้อน และความชื้น เพราะทั้งสามสิ่งนี้จะส่งผลต่อความคงตัวของยา จึงควรเก็บยาให้พ้นแสง อย่าให้ร้อนเกินไป และไม่ควรมีความชื้นสูง ซึ่งจะส่งผลทำลายคุณภาพของยาได้ ยาที่เก็บเป็นระยะเวลานานก็ไม่ควรนำมาใช้




แพทย์ วิสัญญี เภสัชกร ยาแผนปัจจุบัน การดูแลผู้ป่วย สาระน่ารู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ

ควรทานยาปฏิชีวนะให้ครบ
ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
โรคฉี่หนู
อย่ากินแอปเปิ้ลไซเดอร์ถ้าไม่รู้ 4.5 ข้อนี้ article
ผิวดำง่ายมากเกิดจาก 6 ข้อนี้ article
กินอาหารแล้วอ้วนจริงหรือ article
เอ็นข้อศอกอักเสบ เกิดจากอะไร? article
เจาะลึกกระบวนการ 'ทดลองยาในคน' article
กว่าจะเป็นยา ต้องผ่านขั้นตอน อะไรบ้าง? article
5 โรคร้ายรักษาง่ายๆด้วย ข้าวกล้อง article
เคล็บลับนอนหลับง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ยา article
5 อาหารไขมันสูงยิ่งกินยิ่งผอม article
มือชา รักษาอย่างไร? เข้าใจทุกประเด็นในคลิปนี้ article
กระดูกพรุน รักษาอย่างไร? เข้าใจทุกประเด็นในคลิปนี้ article
เท้าปุก คืออะไร? รักษาอย่างไร? article
กระดูกสันหลังเสื่อม รักษาอย่างไร? เข้าใจทุกประเด็นในคลิปนี้ article
ปวดหลังร้าวลงขา นั่งไม่ได้ รักษาอย่างไร? article
โรคท้องผูก ลำไส้ทำงานอย่างไร? เข้าใจทุกประเด็นในคลิปนี้ article
การรับมือกับโรคมะเร็ง article
โรคหลอดเลือดหัวใจในหนุ่มสาว article
การจัดการโรคไตเรื้อรัง และสิ่งที่เชื่อผิดๆ article
น้ำดื่มบำรุงไต ไม่อยากฟอกไตต้องดู article
5 ความเชื่อผิดๆที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่มีวันสำเร็จ article
7 วิธีควบคุมความดันโดยไม่ต้องพึ่งยา article
3 เทคนิคลดความอ้วน “#ไม่ต้องออกกำลังกาย” article



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน