หน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษ ออกมาเตือนผู้นิยมชมชอบในการทำสปาปลาว่า การแช่น้ำให้ปลาตอดแบบนั้น มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอดส์ และไวรัสตับอักเสบซีได้...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ว่า หน่วยงานความคุ้มครองด้านสาธารณสุขของอังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า การทำ'สปาปลา' โดยเฉพาะการทำ'มัจฉาบำบัด' ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศนั้น อาจนำไปสู่การติดเชื้อ'ไวรัสตับอักเสบ ซี' และเชื้อร้ายอย่างเอชไอวี ซึ่งทำให้เกิดโรค'เอดส์' ได้ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะต่ำมากก็ตาม
หน่วยงานยังระบุอีกว่า ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคสะเก็ดเงิน หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากเป็นพิเศษ จึงไม่ควรไปใช้บริการสปาปลา ซึ่งเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสอาจติดต่อจากคนสู่ปลา และจากปลาสู่คน หรือแม้แต่น้ำที่ผ่านการใช้งานโดยลูกค้าคนก่อนหน้า และยังไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ ก็อาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่
ทางหน่วยงานแนะนำว่า ทางร้านผู้ให้บริการสปาปลา ควรดูแลเรื่องความสะอาดอย่างเข้มงวด โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกครั้งที่ลูกค้าคนหนึ่งใช้บริการเสร็จ รวมถึงตรวจร่างกายของผู้ใช้บริการว่ามีบาดแผลใดๆหรือไม่ และขอประวัติสุขภาพเพื่อดูว่าลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้หรือไม่
ด้านนางคริสตินา ไรท์ หนึ่งในผู้ให้บริการสปาปลาหลายร้อยแห่งในอังกฤษ ก็ออกมาโจมตีหน่วยงานดังกล่าวว่า พวกเขาตื่นกลัวจนเกินเหตุ โดยบอกว่าเธอได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัยมานานกว่า 18 เดือน เพื่อทำให้แน่ใจว่าสปาปลาของเธอมีมาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาดอยู่ในระดับสูงสุด
ขณะที่โฆษกหญิงของหน่วยงานการกุศลเพื่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ก็ออกมาแนะนำผู้ที่จะไปใช้บริการสปาปลาว่า "แม้ว่าความเสี่ยงที่จะติดโรคติดต่อดังกล่าวจะมีน้อยมากๆ แต่ก็ไม่ควรประมาท ดังนั้นผู้ที่จะใช้บริการควรมีความระมัดระวังในการเลือกร้านที่จะไปใช้บริการว่ามีมาตรฐานอยู่ในระดับใด"
ทั้งนี้ การทำสปาปลาถูกสั่งห้ามโดยเจ้าหน้าที่รัฐในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา.