วิธีรับมือลูกน้อย “ท้องเสีย” ในช่วงวิกฤตน้ำท่วม
ในช่วงวิกฤตน้ำท่วม นอกจากจะสร้างความลำบากในการดำรงชีวิตแล้ว โรคภัยไข้เจ็บของเด็กเล็ก ก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะภัยจากอาหารการกิน ที่เป็นเหตุให้เด็กเกิดอาการท้องเสีย
หากเด็กน้อยที่บ้านกำลังเผชิญกับปัญหาท้องเสีย พญ.นิยะดา วิทยาศัย หัวหน้างานโรคระบบทางเดินอาหารและโภชนคลินิก กลุ่มมงานกุมารเวชาศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้
อาการถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้ง หรือเป็นน้ำ 1 ครั้ง หรือเป็นมูกเลือด 1 ครั้งในเวลา 24 ชม.
เป็นปัญหาของเด็กเล็กที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี เพราะมีโอกาสรับเชื้อง่ายจากการได้รับจากอาหาร-น้ำที่ปนเปื้อน หรือมือตัวเองร่วมกับภูมิต้านทานโรคต่ำ
ปัญหาใหญ่ของโรคอุจจาระร่วงตามหลังน้ำท่วมคืออหิวาตกโรค ตามด้วยเชื้อบิดและเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระ
หัวใจของการรักษาท้องเสียคือ การเริ่มต้นทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว และทันทีในปริมาณที่เหมาะสมด้วยสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ สารละลายน้ำตาลเกลือแร่มีขายทั้งที่ผลิตโดยองค์กรเภสัชกรรม และบริษัทต่างๆ โดยทั่วไปผสม 1 ซองต่อน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 แก้วน้ำหรือ 1 ขวดนม (8 ออนซ์)
ถ้าไม่มีสารละลายน้ำตาลเกลือแร่สำเร็จรูปสามารถทำเองโดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ + เกลือป่นครึ่งช้อนชา + น้ำสะอาด 3 แก้ว หรือ 3 ขวดนม (ขวดละ 8 ออนซ์) หรือน้ำข้าว + เกลือประมาณหยิบมือหรือเค็มพอรับประทานได้ หรือ น้ำมะพร้าว + เกลือ (เค็มพอรับประทานได้) ในเด็กเล็กให้ใช้ช้อนตักป้อนทีละน้อยบ่อยๆ ในเด็กโตใช้จิบทีละน้อยบ่อยๆ ในเด็กโตที่เริ่มกินข้าวแล้วอาจให้เพิ่มอีก 1 มื้อเป็นอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ใช้น้ำชุป น้ำแกงจืดเติมเกลือเล็กน้อยก็พอไช้ได้
ปริมาณสารละลายน้ำตาลเกลือแร่
- อายุน้อยกว่า 2 ปีให้ครั้งละ 2-3 ออนซ์ (1/4 – 1/2 แก้วน้ำ) โดยให้ทุกครั้งที่มีการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ ให้โดยใช้ช้อนตักป้อนทีละน้อย
- อายุ 2 - 10 ปี ครั้งละ ½ - 1 แก้วน้ำ (3-6 หรือ 8 ออนซ์)
- อายุ 10 ปีขึ้นไปดื่มมากเท่าที่ดื่มได้
|
|
|
|
อาหารที่ควรให้
- เด็กเล็กที่เลี้ยงด้วยนมมารดาให้นมมารดาต่อไปให้เด็กดูดนมบ่อยขึ้นกว่าปกติ
- เด็กที่เลี้ยงด้วยนมผสมให้ชงในอัตราส่วนปกติแต่ลดปริมาณที่กินต่อมื้อลงและชดเชยด้วยสารละลายน้ำตาลเกลือแร่
- เด็กโตให้อาหารอ่อนที่ย่อยง่ายเป็นข้าวต้ม โจ๊ก โดยอาจต้องเพิ่มให้บ่อยกว่าปกติ
ถ้าเด็กสามารถดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่และกินอาหารและนมได้ถึงแม้จะยังถ่ายอยู่แต่เด็กไม่อ่อนเพลีย ดูสดใสขึ้น แสดงว่าทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ด้วยสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ทัน และพอเพียงก็ให้ดื่มต่อไปจนกว่าจะหยุดถ่าย แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือมีข้อบ่งชี้อื่นๆ ควรพบแพทย์เพื่อให้การรักษา
อาการหรือข้อบ่งชี้ที่ควรนำเด็กไปพบแพทย์ มีดังนี้
1.ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือมูกเลือด
2.ไข้สูง หรือชัก
3.อาเจียนบ่อย
4.ท้องอืด
5.หอบลึก
6.ไม่ยอมดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ทุกชนิดและ/หรือไม่ยอมดื่มนมหรือกินอาหาร
7.ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่แล้วแต่เด็กยังดูเพลีย, ซึม
8.ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำบ่อย (มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน)
แนวทางการป้องกันการเกิดการระบาดของโรคอุจจาระร่วงในภาวะน้ำท่วม
1.จัดหาน้ำดื่มน้ำใช้และอาหารที่สะอาด ทำความสะอาดภาชนะที่ใช้ใส่อาหาร สำหรับขวดนมและจุกนมถ้าเป็นไปได้ควรหาโอกาส ต้มจนน้ำเดือดอย่างน้อย 10 นาที
2.หาภาชนะใส่สิ่งขับถ่ายที่ปิดมิดชิดและกำจัดอย่างถูกวิธี ไม่ขับถ่ายลงน้ำ
3.หมั่นล้างมือให้สะอาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการขับถ่ายและก่อนการปรุงอาหารหรือการเติมขวดนมหรือขวดน้ำให้เด็ก
4.จัดหาผงละลายน้ำตาลเกลือแร่ไว้ติดบ้านเพื่อใช้ดื่มทดแทนในภาวะที่เกิดโรคอุจจาระร่วงเพื่อเป็นการป้องกันและชดเชย ภาวะขาดน้ำ และสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
ในภาวะน้ำท่วมเป็นระยะเวลานานการเกิดโรคอุจจาระร่วงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ความรู้เบื้องต้นในหลักสุขอนามัย จึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการเกิดการระบาดและลดอัตราการเจ็บป่วยรวมทั้งความรุนแรงของโรคอุจจาระร่วง
////////////////
ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ได้เปิดสายด่วน Call Center เปิดสายให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาทางสุขภาพและอุบัติภัยในเด็ก ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม โดยบุคลากรทางการแพทย์ โทร. 0-2354-8346
|