กรุงเทพ คนร้ายก่อเหตุไล่ยิงรถที่วิ่งบนถนนรัชดา

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พงส.(สบ 3) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ระหว่างแยกประชานุกูลถึงแยกวงศ์สว่าง จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมชุดสืบสวน บนสะพานลอยข้ามแยกประชานุกูล พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีน้ำเงิน เลขทะเบียน ตท 6247 กรุงเทพ จอดขวางอยู่กลางสะพาน มีรอยถูกปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณกระจกบังลมด้านหน้า 1 รู กระจกประตูหน้าด้านข้างคนขับ 2 รู นอกจากนั้นยังพบหัวกระสุนปืนตกอยู่ท้ายรถ 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นทราบว่ามีผู้รับบาดเจ็บถูกยิง ญาตินำตัวส่ง ร.พ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น 1 ราย

 จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ายังมีรถยนต์อีก 2 คันถูกยิงเช่นเดียวกัน ไปขอความช่วยเหลือจากทหารที่กรมยุทธบริการทหาร ใกล้แยกวงศ์สว่าง จึงรุดไปตรวจสอบพบเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น 400 เอสอีแอล สีเทา เลขทะเบียน ษง 8883 กรุงเทพ ถูกยิงที่กระจกประตูด้านคนขับ 1 รู คนขับถูกกระจกรถบาดไปรักษาตัวที่ร.พ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น อีกรายเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ เลขทะเบียน ฎจ 9700 กรุงเทพ ถูกยิงที่บานประตูหลังด้านขวา บานประตูหน้า กระจกด้านข้างคนขับ และกระจกบังลมด้านหน้าแห่งละ 1 รู

นายคณิต จุฑาพันธุ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/23 ซ.ประชาชื่น 33 ถนนประชาชื่น แขวง-เขตบางซื่อ  เจ้าของรถเก๋งฮอนด้า ให้การว่า ตนขับรถไปตามถนนรัชดาภิเษกเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพัก ขณะที่ลงจากสะพานต่างระดับข้ามแยกรัชวิภา ได้ยิงเสียงดัง “ปัง” ขึ้นหนึ่งครั้ง ตนคิดว่าเป็นเสียงยางระเบิด แต่ปรากฏว่ารถกระบะ รุ่นเก่าคล้ายยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียนสีเขียว จำหมวดอักษรและเลขทะเบียนไม่ได้ ขับแซงขึ้นมาประกบยิงจากทางด้านขวา ตนตกใจมาก ไม่ทราบว่ามายิงทำไมเพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร จากนั้นเห็นรถดังกล่าวขับหนีไป มุ่งหน้าข้ามสะพานข้ามแยกประชานุกูล เมื่อตั้งสติได้จึงรีบขับตามไปและทันเห็นรถคันดังกล่าวยิงปืนใส่รถกระบะอีซูซุที่อยู่ด้านหน้า จนรถกระบะเสียหลักจอดขวางอยู่กลางสะพาน ส่วนรถคันก่อเหตุขับหนีไปทางสะพานพระราม 7 จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าขอความช่วยเหลือจากทหารในกรมยุทธบริหารทหาร จึงทราบว่ามีรถเบนซ์ซึ่งถูกยิงเช่นกันมาขอความช่วยเหลือ

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและให้เจ้าของรถขับรถของตนเองไปยัง สน.ประชาชื่นเพื่อให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง แต่คาดว่าเกิดจากความคึกคะนอง ซึ่งจะต้องตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตอดเส้นทางอีกครั้งเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป.