"เขื่อนภูมิพล" เร่งพร่องน้ำก้อนใหญ่หวั่นฝนมาเร็ว ระบุมีเวลาในการจัดการน้ำประมาณไม่เกิน 5 เดือน ร่อนแถลงการณ์เขื่อนไม่พังนอกจากถูกก่อวินาศกรรม...
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เขื่อนภูมิพลได้ปรับแผนการระบายน้ำหลังจากภาคกลางกลับคืนสู่สภาวะปกติจากน้ำท่วมใหญ่ ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลระบายน้ำมากที่สุดคือวินาทีละ 650 ลูกบาศก์เมตร หรือวันละ 56 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 12,872 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 95.61% ของความจุ เขื่อนสามารถรับน้ำได้อีก 590 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายณรงค์ ไทยประยูร ผอ.เขื่อนภูมิพล กล่าวว่า สิ่งที่ต้องจัดการคือ เราจะต้องระบายน้ำออกเพื่อจะรองรับน้ำใหม่หรือหน้าฝนใหม่ที่จะเข้ามา เรามีเวลาในการจัดการน้ำประมาณไม่เกิน 5 เดือน ซึ่งเรามีการปรับแผนเริ่มปล่อยน้ำมากขึ้น ซึ่งอนาคตก็ต้องระบายมากกว่านี้ ซึ่งทางเขื่อนก็ต้องเตรียมการรองรับการระบายน้ำให้ดีเพื่อไม่ให้เดือดร้อนลุ่มเจ้าพระยาด้วย นอกจากนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนภูมิพล ได้มีแถลงการยืนยันและให้ความมั่นใจว่า เขื่อนภูมิพล มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย เนื่องจากเขื่อนภูมิพลถูกออกแบบให้ทนต่อการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ โดยที่เขื่อนไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อนหลักที่จะเกิดแผ่นดินไหว และปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเหตุผลหลักที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง ปลอดภัยของตัวเขื่อนมี 3 ประการ ได้แก่ 1. เรื่องแผ่นดินไหว 2.เรื่องปริมาณน้ำมากหรือน้ำหลาก และ 3.การก่อวินาศกรรม เหตุผลประการแรก เรื่องแผ่นดินไหว เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งขนาดใหญ่ที่ออกแบบและก่อสร้างให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยบริษัทผู้ออกแบบและก่อสร้าง เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง เป็นบริษัทเดียวกันกับที่ก่อสร้างเขื่อนฮูเวอร์ ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ฉะนั้นจึงมีความมั่นใจได้ในเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้างที่แข็งแรง ส่วนทำเลที่ใช้วางตัวเขื่อนก็เหมาะสมกับสภาพทางธรณีฐานรากและแรงกระทำจากแผ่นดินไหว ปลายเขื่อนทั้ง 2 ด้านค้ำยันอยู่กับเขาแก้วซึ่งเป็นภูเขาหินแกรนิตที่แข็งแกร่ง หากเขาแก้วทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้เขื่อนก็สามารถทนได้เช่นกัน
ประการที่ 2 เรื่องปริมาณน้ำมากหรือน้ำหลาก เขื่อนภูมิพลได้ออกแบบให้สามารถรับน้ำได้เต็มพิกัดที่ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีระบบป้องกันน้ำหลากที่สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 6,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งที่ผ่านมาเขื่อนภูมิพลได้ผ่านการเก็บกักน้ำที่ระดับสูงสุดและน้ำหลากมา แล้วถึง 4 ครั้ง ในปี 2518 ปี 2545 ปี 2549 รวมทั้งในปี 2554 นี้ เก็บกักอยู่ที่ระดับ 99-100% เป็นเวลายาวนานติดต่อกันมากกว่า 2 เดือน และจากการคำนวณคาดการณ์ว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ระดับน้ำจะลดลงอยู่ที่ประมาณ 95% ของระดับกักเก็บสูงสุด ดังนั้น แรงกดดันของน้ำที่กระทำต่อตัวเขื่อนก็จะลดลง ซึ่งเขื่อนภูมิพลได้ผ่านแรงกระทำสูงสุดมาแล้ว
และประการที่ 3 การก่อวินาศกรรม เขื่อนภูมิพลได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รักษาความปลอดภัยแห่งชาติปี 2552 โดยมีแผนรองรับตามระดับความรุนแรงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากพิจารณาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ จึงมีโอกาสน้อยมากที่เขื่อนจะพัง ในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 และขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในความแข็งแรงของเขื่อนภูมิพล อย่าได้วิตกกังวลตามกระแสข่าวลือ ซึ่งข่าวลือประเภทนี้เคยมีมาแล้วหลายครั้ง แต่เขื่อนก็ยังทำหน้าที่ของเขื่อนได้ดีเช่นเดิม.