ที่เกิดเหตุพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้ตัวอาคารชั้นเดียว ซึ่งมีชั้นลอยเป็นสำนักงานที่ส่วนหน้าตัวอาคาร ซึ่งเพลิงได้ลุกโหมอย่างรุนแรง รถดับเพลิงจากนครแหลมฉบัง ท่าเรือแหลมฉบัง เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ กว่า 10 คัน ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้กระจายกำลังนำน้ำฉีดบริเวณรอบตัวอาคารเพื่อสกัดกั้นเพลิงซึ่งลุกไหม้และยังมีเสียงระเบิดเป็นระยะประกอบกับวัสดุที่อยู่ภายในตัวอาคารนั้นเป็นวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับมีลมหนาวพัดแรงจึงทำให้เพลิงลุกไหม้โหมไม่หยุด
นายภูษิต แจ่มศรี ปลัดเทศบาลนครแหลมฉบัง ต้องมาอำนวยการดับเพลิงที่ลุกไหม้โหมกระหน่ำภายในตัวอาคาร ไว้ในวงจำกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดกับบริษัทที่ตั้งอยู่ข้างเคียงซึ่งใช้เวลานานกว่า 2 ชม.เพลิงจึงสงบลงแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุได้เนื่องจากยังมีความร้อนที่ครุกรุ่นอยู่รวมทั้งตัวอาคารอาจทรุดลงเพราะถูกเพลิงเผาผลาญและยังต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดเพลิงไหม้จากอะไร เนื่องจากว่าบริษัทดังกล่าวนั้นปิดการเดินเครื่องช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อให้พนักงานได้หยุดพักผ่อนประจำปี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
สำหรับมูลค่าความเสียหายจากการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.สุชาวดี เนื่องจำนงค์อายุ 45 ปี ผจก.บริษัทที่ทราบข่าวและรีบรุดมาดูเปิดเผยว่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ในบริษัทแล้วยังมี เครื่องจักรที่ทอหรือถักมีอยู่กว่า 10 ตัว ราคาตัวละ 20 ล้านบาท และยังมี เส้นด้าย เส้นไหม และริบบิ้นที่ผลิตเสร็จพร้อมส่งออกต่างประเทศ ได้ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญจนหมดโดยอาคารนั้นตั้งอยู่บนเนื้อที่ 8 ไร่เศษ ซึ่งบริษัทนั้นปิดทำการเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาเพื่อให้พนักงานได้หยุดงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 5 วัน ภายในตัวอาคารจึงไม่มีใครอยู่มีแต่เพียงรปภจำนวน 3 คน.ดูแลรอบตัวอาคารเท่านั้น
หลังจากนั้นทางตำรวจได้นำตัวรปภ.ทั้ง 3 คนที่อยู่ภายในบริษัทในช่วงที่เกิดเพลิงไหม้ไปสอบสวน ซึ่งต่างให้การว่าได้ยินเสีงคล้ายระเบิดในตัวอาคารแล้วหลังจากนั้นก็ได้เกิดกลุ่มควันแล้วมีเปลวเพลิงลุกไหม้ลุกลามในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยดับเพลิงเทศบาลนครแหลมฉบัง กว่ารถดับเพลิงจะเดินทางมาถึงเพลิงก็ได้ลุกไหม้ไปทั่วตัวอาคารแล้ว ซึ่งมูลค่าความเสียหายทั้งหมดจะต้องสอบสวนจากเจ้าของบริษัทเสียก่อนว่าจะเสียหายเท่าใดในเบื่องต้นผู้จัดการแจ้งว่าประมาณ 200 ล้านบาทและเพลิงที่ลุกไหม้นั้นเกิดจากสาเหตุอะไรเนื่องจากภายในตัวอาคารนั้นไม่มีคนอยู่เลย
ขณะเดียวกันที่ที่สมุทรปราการ เวลา 01.30 น. พ.ต.ท.คเณศร์ ริ้ววิริยะ สารวัตรเวร สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงาผลิตแป้งมัน ชื่อห้างหุ้นส่วนสามัญ (หสม.) โชติวัฒนาพร ตั้งอยู่เลขที่ 250 หมู่ 1 ซอยเทศบาลบางปู 88 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบางปูและเทศบาลใกล้เคียงกว่า 10 คันเดินทางตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุได้พบว่าเป็นโรงงานผลิตแป้งมัน แป้งทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ตราห่วงทอง และแบะแซ ตรานกแก้วคู่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ปลูกสร้างอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่เศษ ด้านในเป็นอาคารโรงงานได้พบเพลิงกำลังลุกไหม้มาจากด้านหลังโรงงานและลุกลามมาทางด้านหน้าที่มีเครื่องจักตั้งอยู่เรียงลายจำนวนมาก ร่วมทั้งวัตถุดิบในขบวนการผลิตแป้งชนิดต่าง ๆ และถังบรรจุสารเคมีที่นำมาผลิตแบะแซ จำนวนมากที่กำลังถูกเปลวเพลิงลุกโหมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกองเศษไม้ จำนวนมากที่เอาไว้เป็นเชื้อเพลิงในการอบแห้งที่กลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงทำให้เพลิงลุกโหมอย่างรุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงป้องกันไม่ให้ลุกลามมาติดอาคารสำนักงานและห้องพักคนงานที่อยู่ด้านหน้า
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำสกัดเพลิงโครงหลังคา ที่ทำด้วยเหล็กมุงด้วยกระเบื้องได้เกือบถล่มลงมา ใช้เวลาในการฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานเกือบ 2 ชั่งโมงเพลิงจึงสงบ พบว่าเพลิงได้เผาผลาญอาคารโรงงานและเครื่องจักรหลายสิบตัวร่วมทั้งวัตถุดิบในการผลิตถูกเพลิงเผาผลาญได้รับความเสียหายทั้งหมด คาดว่าค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
จากการสอบสวนทราบว่าโรงงานดังกล่าวเป็นของนาย ประเสริฐ อิทธิวามีธรรม อายุ 67 ปี หลังเกิดเหตุได้เดินทางมาดู พร้อมทั้งกล่าวว่า ในขณะเกิดเหตุไม่มีใคร่ทำงานเนื่องจากคนงานทั้งหมดเลิกทำงานกันตั้งแต่เวลาประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว มีเพียง รปภ. เท่านั้นที่นั่งเฝ้าอยู่ที่ป้อมหน้าประตูทางเข้า โดยตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่าไฟไหม้ที่โรงงานจึงได้เดินทางมาดูได้พบว่าเพลิงได้ลุกไหม้มาจากด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งเครื่องจักรในการผลิตแป้งมันและแป้งประกอบอาหารชนิดต่าง ๆ และกำลังลุกลามมาด้านหน้าซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและบ้านพักคนงานตนและคนงานพยามยามช่วยกันเอาถังเคมีและน้ำมาฉีดสกัดเพลิงแต่สกัดไม้ไหวจึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้ายังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้เกิดจากอะไร ซึ่งจะได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้ามาทำการตรวจหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป