อันตรายจากเครื่องเล่น
ช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กที่ได้รับความสนใจและเป็นขวัญใจของเด็กๆ ในบ้านเราเป็นอย่างมาก นั่นก็คือเครื่องเล่นบ้านลมขนาดใหญ่ที่เราเห็นกันอยู่มากมายตามหน้าห้างสรรพสินค้าบ้าง ตลาดนัดบ้าง หรือตามงานกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นมาเฉพาะกิจที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากเด็กๆ ให้ไปใช้บริการบ้านลมด้วยสารพัดสีสันฉูดฉาด ลวดลายมากมาย ขนาดยิ่งใหญ่ยิ่งเย้าใจเด็กๆ
ธุรกิจเกิดใหม่สำหรับให้บริการเช่าบ้านลมจึงเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด สามารถโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำในเวลาไม่นาน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาทองเลยทีเดียว ตามมาด้วยเครื่องเล่นอีกชนิดหนึ่ง คือ บ่อบอล บ้านบอล ที่มีลูกบอลลูกเล็กๆ จำนวนมากอยู่ข้างใน เนื่องเพราะลูกบอลเป็นของเล่นที่เด็กๆ ชอบอยู่แล้ว เมื่อถูกสร้างเป็นบ้านบอลขนาดใหญ่ หรือบ่อบอล ก็ยิ่งเรียกร้องความสนใจจากเด็กๆ ได้มากมาย
จุดขายของเครื่องเล่นทั้งสองประเภท คือ การทำให้พื้นที่ทั้งหมดมีความยืดหยุ่น สามารถกระจายแรงกระแทกได้ เด็กสามารถวิ่งเล่น กลิ้งได้ กระโดดได้อย่างสนุกสนาน โดยบ้านลมก็ใช้ลมเป็นตัวรับน้ำหนัก ส่วนบ้านบอลก็ใช้ลูกบอลขนาดเล็กจำนวนมากเป็นตัวรับน้ำหนัก
ที่หยิบเรื่องนี้มาเขียนถึง เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ บังเอิญเจอแม่คนหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปอุ้มลูกออกมาจากบ้านบอลภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หลังจากที่ลูกหัวทิ่มตกลงไปพื้นด้านล่างแล้วหัวแตก สันนิษฐานว่าลูกบอลจำนวนมากเสื่อมคุณภาพ มันไม่เด้ง และมีจำนวนน้อยเกินไป ทำให้เด็กพลัดตกลงไปแล้วศีรษะกระแทกพื้น
น่าเศร้าใจหนักเข้าไปอีก เจ้าเครื่องเล่นประเภทนี้ มักถูกเป็นที่ฝากเด็กชั่วคราวของพ่อแม่บางคนที่บางครั้งอยากไปเดินช้อปปิ้ง ก็ปล่อยให้ลูกเข้าไปเล่นในเครื่องเล่นดังกล่าว ด้วยหวังว่าเมื่อเสียเงินเล่นเครื่องเล่นนั้น ลูกก็จะอยู่ในเครื่องเล่นน่าจะปลอดภัย
โดยหารู้ไม่ว่านั่นแหละคือ ภัยร้ายที่พ่อแม่หยิบยื่นให้ลูกด้วยตัวเอง...!!
อันตรายจากประเภทเครื่องเล่นประเภทนี้ ทั้งบ้านลม บ้านบอล หรือบ่อบอลก็ตามมีมากมายกว่าที่เราคิด แล้วมีอะไรบ้าง ?
ประการแรก อันตรายจากจำนวนเด็กที่มีมายมาย ที่สำคัญไม่มีการแบ่งประเภทเด็กเล็กหรือเด็กโตอย่างชัดเจน ทั้งที่เด็กในแต่ละวัยมีความแตกต่างกันไป เด็กเล็กและเด็กโตไม่ควรเล่นด้วยกัน เพราะเด็กโตไม่อาจกะระยะ หรือรู้กำลังแรงของตนเอง เมื่อไปเล่นกับเด็กเล็กโอกาสที่จะเกิดการเล่นแรง หรือเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กได้ จริงอยู่บางสถานที่มีการระบุว่าเด็กไม่เกินความสูงเท่าไร หรือกำหนดว่าอายุต้องไม่เกิน 10 ปี แต่การระบุเช่นนี้ก็เป็นอันตราย เพราะเด็กวัยต่างกันมากอยู่ดี
ในความเป็นจริงต้องแยกเด็กเล็กและเด็กโตออกจากกันเลย บางแห่งอาจไม่สามารถแบ่งตามวัยได้ก็ควรจะแบ่งตามรอบก็ได้ เล่นคนละรอบ ก็จะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระดับหนึ่ง
ประการที่สอง อันตรายที่เกิดจากเชื้อโรค ต้องไม่ลืมว่าด้วยจำนวนลูกบอลจำนวนมากที่กองพะเนินหรือบ้านลมขนาดใหญ่ โอกาสที่ผู้ประกอบการจะทำความสะอาดได้ทั่วถึงย่อมเป็นไปได้ยาก ขณะเดียวกัน เด็กจำนวนมากที่มาจากต่างสถานที่ เด็กบางคนอาจป่วย หรือมีโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างอยู่ เช่น เด็กเป็นหวัด ขี้มูกไหล และขณะเล่นเครื่องเล่น มีไอจาม หรือป้ายน้ำมูกบนลูกบอล โอกาสที่จะแพร่เชื้อโรคไปสู่เด็กอื่นๆ ก็เป็นไปได้มากทีเดียว ยิ่งยุคเชื้อโรคระบาด อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ทำท่าจะกลับมาอีกครั้ง ยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้มาก
ประการที่สาม อันตรายจากอุบัติเหตุ ยิ่งเป็นเด็กโตยิ่งมักเล่นโลดโผน บางครั้งเล่นกระโดดทิ้งตัวลงไปในบ่อบอล หรือ บ้านลม ซึ่งหากมีเด็กเล็กนั่งเล่นอยู่ในนั้น ก็อาจทับตัวเด็กเล็ก ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้มาก หรือแม้การวิ่งชนกระแทกกัน ขว้างบอลกันอย่างรุนแรง ก็เป็นเหตุบาดเจ็บที่พบได้บ่อยๆ
ถ้ายังจำกันได้ถึงข่าวชิ้นหนึ่งที่มีเด็กผู้หญิงวัยประมาณ 5 ขวบ ประสบเหตุขาหักในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เหตุเพราะเข้าไปเล่น “บ้านบอล” ด้วยการซื้อบัตรเข้าไปเล่น โดยบ้านบอลนั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นห้องสี่เหลี่ยมล้อมด้วยตาข่าย มีประตูทางเข้าติดป้ายไว้ว่า ขนาดสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบ ภายในมีอุปกรณ์ของเด็กเล่นต่างๆ เช่น บันไดลื่น ราวไต่ถัง และพื้นด้านล่างมีลูกบอลหลากสีสันบรรจุอยู่เต็มห้อง เด็กน้อยกระโดดเล่นตามเพื่อน แต่บังเอิญพลาดตกลงไปกระแทกพื้นถึงกับขาหัก
อย่าลืมว่า เด็กก็คือเด็ก เวลาเล่นก็ไม่ค่อยระวังอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของคนเป็นพ่อแม่ที่จะใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็ก ดิฉันเองไม่สนับสนุนให้เล่นเครื่องเล่นประเภทนี้มาแต่ไหนแต่ไร และทำความเข้าใจกับลูกมาโดยตลอดว่าเครื่องเล่นประเภทนี้อันตรายอย่างไร
แต่ถ้าลูกของคุณอยากเล่นจริงๆ และพ่อแม่ก็ตามใจ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็เลือกเครื่องเล่นที่พอจะได้มาตรฐานก็ยังดี ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะอาดด้วย ที่สำคัญต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยเด็กไว้โดยลำพังเด็ดขาด
ไม่แน่ใจว่า เครื่องเล่นดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไรในบ้านเรา เพราะในบ้านเมืองประเทศอื่นก็ไม่ได้เกิดกระแสฮิตกันมากมายขนาดนี้ ยิ่งประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาจะไม่ให้เด็กในประเทศของเขาเล่นเครื่องเล่นเสี่ยงภัยแบบนี้ เพราะมันอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก
เครื่องเล่นประเภทนี้เกิดขึ้นมา โดยไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานที่ดูแลทางด้านความปลอดภัยสำหรับเด็กเลย ก่อนหน้านี้ เราก็เคยเผชิญปัญหาเรื่องเครื่องเล่นสนามเด็กเล่นของเด็กๆ ที่ไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แต่เราก็ยังเห็นเครื่องเล่นสนามเด็กเล่นประเภทนี้อยู่มากมายตามสวนสาธารณะ หรือแม้แต่ในโรงเรียนบางแห่งก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงภัยต่างๆ เหล่านี้
มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็อยากเตือนพ่อแม่ ผู้ปกครองถึงภัยอันตรายจากเครื่องเล่นตามกระแส ที่ดูเหมือนมีเด็กเล่นจำนวนมากแล้วคิดว่าไม่อันตราย แต่แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องอันตรายใกล้ตัวของลูกเราทีเดียว มีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูก ที่พ่อแม่สามารถช่วยส่งเสริมที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องเล่นเหล่านี้
เราคงไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่ยอมเสียเงินให้ลูกเล่นในเครื่องเล่นเสี่ยงภัย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราเองนั่นแหละคือผู้หยิบยื่นภัยร้ายให้ลูกด้วยน้ำมือของเรา