สธ.เตือนภัย คนไข้โรคไต กินน้ำลูกยอมีสิทธิ์ถึงตาย
สธ.เตือนชายมะเขือเผา บริโภคสมุนไพรกวาวเครือ ระวังอัณฑะเน่าหลุดทั้งพวง ชวดเตะปี๊บตลอดชีวิต ส่วนน้ำลูกยอคนกินพร่ำเพรื่อถึงขั้นไตวาย แนะให้กินสดเพื่อลดอัตราเสี่ยง ขณะที่กระชายดำห้ามกินสด เพราะจะทำให้เหงือกบวม
พืชสมุนไพรไทยที่หลายชนิดมีคุณอนันนต์ ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องศึกษาผลข้างเคียงให้ถ่องแท้ด้วย เพราะบาง อย่างหากกินไม่ถูกวิธีจะเกิดโทษมหันต์ จนอาจถึงตายหรือพิการได้
พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันชายกลางคนขึ้นไปประสบปัญหาเกี่ยวกับ สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น และการที่หลายคนเชื่อว่าหากบริโภคกวาวเครือเข้าไปแล้ว จะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศนั้น ต้องระมัดระวังผลข้างเคียง และปริมาณที่บริโภคเข้าไปด้วย เพราะเคยมีคนกินกวาวเครือครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม และเมื่อนำมาป้อนหนูทดลอง พบว่า หนูอัณฑะเน่าตายทุกตัว ฉะนั้นผู้บริโภคพึงสังวรณ์ด้วยว่า สมุนไพรถ้ากินผิดขนาด ผิดวิธี จะเกิดโทษเสมอ จึงต้องวิจัยให้ชัดเจนว่า ต้องกินเท่าใด กินอย่างไร
พ.ญ.เพ็ญนภา กล่าวว่า ปัจจุบันมีการนำสมุนไพรลูกยอ มาผลิตเป็นน้ำสมุนไพรเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ออกฤทธิ์ในลูกยอคือ asperuloside ทั้งนี้วิธีการใช้ที่เหมาะสม และได้รับการยอมรับคือ การใช้แบบดั้งเดิม ได้แก่ การนำลูกยอแก่สด มาทำส้มตำ จะได้ทั้งรสเปรี้ยว เผ็ด แต่ก็มีข้อจำกัดคือ กินได้ไม่มาก ไม่มีใครนำลูกยอสดเป็นกิโลๆ มาเคี้ยวกินเล่น เพราะมีกลิ่นฉุน อีกวิธีหนึ่งคือ การฝานบางๆ ตากแห้ง ชงเป็นน้ำชาดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน วิธีเหล่านี้คนรุ่นใหม่มองข้าม กลับนำวิธีสมัยใหม่ คือ การดองเพื่อสกัดสารสำคัญในลูกยอ จึงขอให้ตระหนักถึงปริมาณสารที่สกัดออกมา ควรตรวจวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่า มีปริมาณโปแตสเซียม แคลเซียม วิตามินเท่าใด กินมากน้อยแค่ไหน กินอย่างไรจึงจะไม่เกิดอันตราย ที่ผ่านมามีรายงานว่า คนที่เป็นโรคไต พอกินน้ำลูกยอเข้าไปมากๆ การทำงานของไตไม่ดีขึ้น ไตวายเฉียบพลัน ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วหลายราย
“น้ำลูกยอสดคั้นโดยทั่วไปคนเราสามารถกินได้เพียงแก้วเดียว การดื่มน้ำลูกยอสกัดเข้มข้นนั้น ร่างกายจะได้รับโปแตสเซียม และแคลเซียม มากเกินความต้องการ โดยเฉพาะคนเป็นโรคไต ถ้ามีโปแตสเซียมมากเกินไป จะทำให้ไตวายเฉียบพลันได้ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก" พ.ญ.เพ็ญนภา กล่าว
พ.ญ.เพ็ญนภา กล่าวต่อไปว่า สมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ต้องกินให้ถูกลักษณะ คือ กระชายดำ ซึ่งการกินนั้นจะต่างจากลูกยอ กระชายดำไม่ควรกินในลักษณะกินสด เพราะจะทำให้เหงือกอักเสบ ควรนำมาดองเหล้า หมักเป็นไวน์ และกินในปริมาณที่ให้พอเหมาะ เช่น ยาดองวันละ 1 ก๊ง ก่อนอาหาร ไม่ใช่กินพร่ำเพรื่อจนติดเป็นเหล้า
ด้านนางปรียา ลีฬหกุล นักโภชนาการในฐานะกรรมการโครงการรักหัวใจ ใส่ใจคอเลสเตอรอล กล่าวว่า ผู้ที่ไขมันในเลือดสูง และเป็นโรคเบาหวาน ต้องระมัดระวังเรื่องอาหาร โดยเฉพาะเมื่อมีการพูดถึงเรื่องการกินสมองของสัตว์บางชนิดนั้น ควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการบริโภคมากเกินไปอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดตีบ เป็นอันตรายต่อหัวใจ อย่างเช่น กรณีของสมองหมูนั้น แค่น้ำหนัก 100 กรัม จะมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงถึง 2,500 มิลลิกรัม ขณะที่ร่างกายต้องการคอเลสเตอรอลเพียง 200 มิลลิกรัมต่อวัน เท่านั้น