จ.นครราชสีมา ป่าไม้โคราชร้องเรียนอ้าง หน.หน่วยขนของกลางนับล้านออกขาย

พนักงานป่าไม้โคราชสุดทน อ้างหัวหน้าหน่วยทำผิดกฎหมาย นำของกลางมูลค่านับล้านไปขาย รวมตัวร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม...

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 มค. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.8 (หนองพวง) ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ซึ่งขึ้นตรงกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่8 (นครราชสีมา) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอ้างว่า ผู้บังคับบัญชาประพฤติตัวไม่เหมาะสม และน่าจะกระทำผิดระเบียบร้ายแรง จนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่ในหน่วยไม่สามารถที่จะทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวได้ จนต้องรวมตัวกันเดินทางเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม อ.จักราช จ.นครราชสีมาเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว พบนายประสิทธิ์ พูนศรี อายุ 41 ปี และนายอำนวยวงศ์ไธสง อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ตรวจป่าหน่วยดังกล่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ในหน่วยเดียวกันอีกรวม8 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.จักราช โดยมีนายนาวี ปลื้มสุด ปลัดอำเภอจักราช เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ และตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ด้านนายอำนวย วงศ์ไธสง ที่เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน ได้เปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกคนทนเห็นพฤติกรรมของหัวหน้าหน่วย คือนายภูมเดช ไชยเชษฐ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดกฎระเบียบไม่ได้จึงตัดสินใจรวมตัว กันทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) ตั้งแต่เมื่อวันที่9 มค. ที่ผ่านมาโดยยื่นหนังสือไปยังนายสมหวัง เรืองนิวัติสัย รักษาการ ผอ.สำนักฯ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งอาจจะมีสาเหตุที่ นายสมหวัง ฯ อาจจะพึ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ จึงยังทำอะไรไม้ได้เต็มที่ ตนจึงรวมตัวกันเข้า ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.จักราช เพื่อให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบด้วย ซึ่งหากไม่มีอะไรคืบหน้าอีกพวกตนก็จะเข้าร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อไป

นายอำนวย ยังกล่าวอีกว่านายภูมเดช ไชยเชษฐ์ ได้กระทำการไม่ถูกต้องโดยการนำไม้ของกลางที่ได้มาจากการตรวจยึดของเจ้าหน้าที่ป่าไม้และ ของกลางจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้และส่งมอบมาให้ดูแล ซึ่งมีเป็นจำนวนมากโดยนายภูวเดช ได้นำไปขายต่อให้กับเอกชน โดยนำรถมาขนถึงที่หน่วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเคยพยายามเข้าขัดขวางแต่ก็ถูกตำหนิและถูกด่าว่า อีกทั้งยังเคยทำร้ายร่างกายด้วย พวกตนจึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จึงเดินหน้าร้องเรียนดังกล่าวและที่ผ่านมานายภูวเดช ฯ ได้ทยอยขายไม้ของกลางไปรวมแล้วกว่า 500ท่อน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทในจำนวนนี้มีไม้พะยูงซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประทายจับกุมได้กว่า 300 ท่อน และนำมาเก็บรักษาไว้ในหน่วย ซึ่งก็ถูกขายไปด้วยซึ่งการกระทำดังกล่าวพวกตนเห็นว่าเป็นความผิดร้ายแรง จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของนายภูวเดชฯ ที่ทำไม่ถูกต้องมา 8 เรื่อง ได้แก่

1. ขายไม้พะยูงของกลางแล้วนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว 2. ขายเลื่อยโช่ยนต์ของกลาง และนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว 3.เอาเลื่อยโซ่ยนต์ของกลางไปให้ชาวบ้านเช่า 4.ปล่อยรถยนต์ของกลางโดยเรียกรับเงินจากเจ้าของรถ5.แปรรูปไม้ของกลางในสถาน ที่ราชการ เพื่อจำหน่าย 6.ดื่มเหล้าในเวลาราชการ 7.เรียกร้องเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาในสมัยสอบบรรจุเปลี่ยนตำแหน่งจากลูกจ้า งาชั่วคราวเป็นพนักงานประจำ และ 8. ทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชาเวลาไม่พอใจ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดผู้ใต้บังคับบัญชาได้พิจารณาร่วมกันแล้วว่าไม่ถูกต้อง จึงยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อให้ผู้มีอำนาจมาดำเนินการต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่สำนักงานหน่วยรักษาป่าที่ นม.8 (หนองพวง) เลขที่ 16 หมู่ที่.8ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา พร้อมกับเจ้าหน้าทีป่าไม้ทั้งหมดซึ่งเป็นที่เก็บรักษาไม้ของกลาง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้พาผู้สื่อข่าวชี้จุดที่เก็บรักษาไม้ของกลางที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าถูกนำไปขายโดยมีเจ้าหน้าที่บางคนแอบถ่ายภาพขณะขนย้ายไว้มาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับได้แนบภาพดังกล่าวไปพร้อมกับหนังสือร้องเรียนด้วย ขณะที่การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวนายนาวีปลื้มสุด ปลัดอำเภอ จะได้ดำเนินการรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตรวจสอบต่อไป ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังห้องทำงานของนายภูมเดช ไชยเชษฐ์ แต่สอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าหลังจากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทำหนังสือร้องเรียนไปก่อน หน้านี้แล้วนั้นนายภูมเดช ก็ไม่ค่อยเข้ามาทำงานเช่นเดียวกับวันนี้ ผู้สื่อข่าวก็ได้พยายามโทรศัพท์เพื่อติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงจาก นายภูมเดช แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้พบว่าโทรศัพท์มือถือปิดเครื่องไปแล้ว