ตัวดูดน้ำ ของเล่น
หลายคนคงเคยได้ยินข่าว หรืออาจเคยพบเห็น ของเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า “ตัวดูดน้ำ” ที่มีรูปร่างเป็นรูปการ์ตูน รูปไดโนเสาร์ หรือรูปสัตว์ต่าง ๆ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีสันสวยสดสะดุดตา ลักษณะเป็นยางนิ่มๆ เหนียวๆ เมื่อนำมาแช่ในน้ำจะสามารถขยายตัวได้มากถึง 600 เท่า!!
แต่หลังจากของเล่นชนิดนี้ ถูกนำเข้ามาจำหน่ายได้พักหนึ่งก็ถูกหน่วยงานราชการสั่งเก็บสินค้า และห้ามไม่ให้มีการจำหน่าย เพราะกลัวว่าหากเด็กเล็กเผลอกลืนตัวดูดน้ำนี้เข้าไป จะทำให้เกิดการอุดตันของกระเพาะอาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก และอาจเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งการจะนำตัวดูดน้ำออกมาจากกระเพาะอาหาร จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดเท่านั้น!!
เรื่องห้ามขายสินค้าที่เรียกว่า ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำ หรือ “ตัวดูดน้ำ” เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะแก่เด็กเล็กและเป็นสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นแก่เด็ก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตรวจวิเคราะห์เพื่อทดสอบพิสูจน์สินค้าดังกล่าวแล้วว่า สามารถพองตัวได้ใน น้ำย่อยเทียม (ที่มีสภาพเช่นเดียวกับน้ำย่อยในกระเพาะและลำไส้ของมนุษย์) โดยสามารถพองตัวได้ภายในระยะเวลาตามสภาพการย่อยในร่างกายมนุษย์ได้ ถึง 5 เท่า และยังคงมีลักษณะเหนียว ไม่แยกหรือแตกร่วน
ซึ่งการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวถือเป็นการขายสินค้า อันอาจเป็นอันตรายฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ห้ามขาย สินค้าดังกล่าวให้แก่ผู้บริโภค โดยผู้ฝ่าฝืนจำหน่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตเพื่อขายหรือเป็นผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทาง สคบ. ก็ได้ประสานตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศบ.) ปราบปรามไปแล้วหลายครั้ง แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีผู้ขายลักลอบนำเข้า “ตัวดูดน้ำ” มาจำหน่ายตามแหล่งการค้าบางแห่ง อาทิ ร้านขายของชำต่างๆ ที่มักจำหน่ายขนมและของเล่นเด็กราคาถูก ซึ่งสินค้าเหล่านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขเผยว่าส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน และเป็นของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานค่อนข้างแน่นอน
อย่างไรก็ตามแม้ในประเทศไทยจะมีการสั่งห้ามนำเข้า "ตัวดูดน้ำ" มาจำหน่ายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเกรงว่าเด็กเล็กอาจเผลอหยิบของเล่นชนิดนี้ กลืนเข้าไปในร่างกาย ซึ่งทางแพทย์ประจำสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ก็เคยเน้นเตือนไว้ว่า...ยิ่งเป็นเด็กวัย 2-5 ขวบ ยิ่งต้องระวัง เพราะกำลังอยากรู้ อยากลอง อะไรใกล้ตัวก็มักจะคว้าเข้าปาก และอาจกลืนเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ... แต่สำหรับในต่างประเทศ (ที่พัฒนาแล้ว) นั้น ของเล่นชนิดนี้สามารถนำมาใช้เป็นของเล่น และประยุกต์ใช้เป็นสื่อการเรียน การสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ได้
ดังนั้นหากว่าลองเปิดใจมองหลายๆ มุม สำหรับเรื่องอย่างนี้บางทีก็ไม่มีหลักเกณฑ์ใดที่จะชี้เฉพาะว่าสิ่งใดที่ควรต้องระวัง หรือเป็นอันตราย เพราะปัจจุบันทั้งของกินและของเล่นต่างก็มีพัฒนาการเร็วจนตามไม่ค่อยทัน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ที่จะต้องช่างสังเกต ระมัดระวังสอดส่องดูแลของเล่นเด็ก รวมทั้งศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา และหากพบเห็นการจำหน่ายของเล่นที่สงสัยว่าไม่ได้มาตรฐาน หรือเสี่ยงอันตราย ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เข้ามาตรวจสอบทันที ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับบุตรหลานอันเป็นที่รักของทุกๆ คน