โรคมะเร็งหายได้ด้วยสเต็มเซลล์
ขึ้นชื่อว่า “โรคมะเร็ง” ทุกคนคงหวาดกลัว และภาวนาว่าอย่าให้ตัวเอง คนในครอบครัว หรือ คนรอบข้างต้องเป็นโรคนี้เลย เพราะรู้ดีว่ามันร้ายแรงเพียงใด
โรคมะเร็งมีหลายชนิดในทางการแพทย์จะแบ่งมะเร็งออกไปตามแหล่งต้นกำเนิด มะเร็งเม็ดเลือดขาว และ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่พบมากที่สุดในกลุ่มมะเร็งระบบเลือด โดยมีสาเหตุจากความผิดปกติของไขกระดูกหรือจากต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น
แม้จะเป็นอัตราส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น แต่มีความรุนแรงของอาการมากและทำให้ผู้ป่วยทรุดและเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
นพ.วิเชียร มงคลศรีตระกูล แพทย์อายุรศาสตร์ โลหิตวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กล่าวว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งออกเป็นสองชนิด คือ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน อาการจะปรากฏในระยะเวลาสั้น ๆ 1-3 เดือน โดยผู้ป่วยอาจเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว และ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง ซึ่งไม่แสดงอาการในช่วงแรก แต่จะค่อย ๆลุกลามโดยใช้เวลานานนับปี ผู้ป่วยหลายรายจึงไม่ทราบว่าตนเองเป็นและไปพบแพทย์เมื่อสายเกินไป 90 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยมะเร็งชนิดเฉียบพลันมักเสียชีวิตในเวลาประมาณหนึ่งปี แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาด หรือในรายที่ไม่อาจรักษาจนหายขาดก็สามารถมีชีวิตอยู่โดยได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ส่วนมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นมะเร็งที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของต่อมน้ำเหลืองซึ่งมีอยู่ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่พบที่บริเวณลำคอเนื่องจากการติดเชื้อ เป็นไข้ เจ็บคอ ไอ หรือมีน้ำมูกเรื้อรัง ที่ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของอาการต่อมน้ำเหลืองโต และลุกลามเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ในที่สุด
นพ.วิเชียร มงคลศรีตระกูล แพทย์อายุร ศาสตร์ โลหิตวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า แนวทางการรักษาโรคในกลุ่มมะเร็งระบบเลือดทุกวันนี้ สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับชนิดของโรค สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้ชำนาญอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้มีภาวะแทรกซ้อนมาก และรุนแรงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เติบโตผิดปกติเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยไปทำลายการสร้างเม็ดเลือดปกติของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดลดจำนวนลงส่งผลให้เกิดโลหิตจาง มีเลือดออกผิดปกติ มีจ้ำเลือดตามร่างกาย ติดเชื้อง่าย ฉะนั้นการรักษาในลำดับแรกจึงต้องให้ยาเคมีบำบัดเพื่อลดเซลล์มะเร็งลงให้เหลือน้อยที่สุด จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือเรียกอีกอย่างว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก
หลักการของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด คือ แพทย์จะให้ยาเคมีบำบัดในปริมาณสูง เพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งสร้างตัวต่อไปได้ จากนั้นจึงนำเซลล์ต้นกำเนิดที่ปราศจากเซลล์มะเร็งใส่เข้าไปในตัวผู้ป่วยแทนเพื่อให้เจริญเติบโตขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตจากมะเร็งและรอดพ้นจากการเสียชีวิตด้วยการให้ยาเคมีบำบัดได้
นพ.วิเชียร กล่าวว่า เดิมทีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจะใช้เซลล์จากไขกระดูกมาเปลี่ยนถ่าย แต่ทุกวันนี้สามารถนำมาได้จากหลายแหล่ง ตั้งแต่การแยกเซลล์ต้นกำเนิดออกจากกระแสเลือดซึ่งสะดวกสำหรับผู้บริจาค เพราะไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด ดมยาสลบ หรือเจาะไขกระดูกแล้วดูดออกมาเช่นวิธีเดิม ๆ อีกแหล่งหนึ่ง คือ รก โดยแพทย์จะนำรกของเด็กแรกเกิดที่มีเลือดขังตัวอยู่มานวด ซึ่งในนั้นมีสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดค่อนข้างมาก เมื่อรีดออกมาแล้วนำไปเก็บไว้รอปลูกถ่ายสู่ผู้ป่วยในลำดับถัดไป
“ทั้งนี้ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ในบางเรื่อง เช่น อายุของผู้เข้ารับการปลูกถ่ายต้องไม่มากเกินไป สภาพร่างกายดี ซึ่งเหล่านี้ต้องผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ชำนาญว่าผู้ป่วยสมควรได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้หรือไม่”
สำหรับมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง อาการจะปรากฏเมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว โดยปกติปริมาณเม็ดเลือดขาวในร่างกายจะมีประมาณ 5,000-10,000 ตัวต่อลูกบาศก์ มม. ซึ่งเซลล์มะเร็งอาจทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงขึ้นถึง 100,000-200,000 ตัว หมายถึงโรคได้ดำเนินสู่ระยะอันตรายแล้ว ทั้งนี้หากตรวจพบในขณะที่ปริมาณเม็ดเลือดขาวยังอยู่ที่ราว 20,000 ตัว การกำหนดวิธีการรักษาจะทำได้ง่ายกว่า
ในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง แพทย์จะใช้วิธีการปลูกถ่ายไขกระดูกเช่นเดียวกัน แต่ปัจจุบันมีการค้นพบตัวยาชนิดใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยควบคุมโรคให้สงบได้ ทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อย ยกเว้นบางกรณีที่ผู้ป่วยดื้อยา หรืออาการของโรครุนแรงมาก จึงจะพิจารณาให้เข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นทางเลือกถัดไป
“ในส่วนของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การรักษาก็ต้องขึ้นกับตำแหน่งและระยะของโรค หากพบในระยะแรก ๆ ก็สามารถหายขาดได้ด้วยการผ่าตัด หรือหากโรคลุกลามก็ต้องใช้วิธีฉายรังสีและให้ยาเคมีบำบัด มีอีกวิธีหนึ่งซึ่งเพิ่งนำมาใช้ไม่นาน คือการนำรังสีไปติดไว้บนยาภูมิต้านทานแล้วฉีดเข้าร่างกาย โดยยาภูมิต้านทานจะไปจับที่พื้นผิวของต่อมน้ำเหลือง และรังสีที่ติดไปด้วยจะฉายแสงตรงส่วนที่เป็นเซลล์มะเร็งโดยตรง รวมไปถึงวิธีการปลูกถ่ายไขกระดูกด้วย
การตรวจร่างกายเป็นประจำมีความสำคัญมาก หากตรวจพบโรคเสียแต่เนิ่น ๆ โอกาสในการรักษาให้หายเป็นปกติก็จะมีมากเช่นกัน.