บก.สส.บช.น. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สส.บก.น.6 และ พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางเงินสกุลไทย เงินตราต่างประเทศ ประกอบด้วย 1.นายจิตรภาณุ หรือธิ วัฒนศศิโรจน์ อายุ 43 ปี 2.นายกิตติชัย หรือหนุ่ย สองเมือง อายุ 46 ปี 3.นายพัลลภ หรือลพ คชวงษ์ อายุ 38 ปี 4.นายวิชัย หรือโล่ โล่ห์บัณฑิตสกุล อายุ 45 ปี และ 5.นายอุดม หรือคิว ยิ้มพรธนา อายุ 43 ปี พร้อมของกลางธนบัตรไทยและต่างประเทศ รวมมูลค่า 50,575,711.73 บาทไทย รถเก๋ง 2 คัน อาวุธปืนขนาด 9 มม. 2 กระบอก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก เครื่องแบบตำรวจยศพันตำรวจโท 1 ชุด และนามบัตรข้าราชการตำรวจปลอมระบุชื่อ พ.ต.ต.กิตติชัย สองเมือง ตำแหน่ง รอง ผกก.สส.บก.น.7 และ รอง ผกก.สส.บช.ภ.7 อีกอย่างละใบ โดยจับกุมตัวได้จากการสืบสวนขยายผลติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหาอันมีลักษณะการกระทำผิดแบบเป็นเครือข่าย
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค.2554 ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 3 คน ใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ นายอับดุลลา ราฮูมาน อายุ 52 ปี นักธุรกิจชาวอินเดีย ที่มาเปิดร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ขณะกำลังนั่งรถส่วนตัวบริเวณถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก โดยคนร้ายใช้วิธีขับรถยนต์ 2 คันตามประกบ แล้วลงไปใช้ปืนข่มขู่พร้อมกับใช้ค้อนปอนด์ทุบกระจกรถจนแตกปล้นกระเป๋าธนบัตรหลายสกุลจากในรถผู้เสียหายไป 7 ใบ หลังเกิดเหตุ นายอับดุลลา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ว่า เงินที่คนร้ายได้ไปกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมา บชน.ได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.บช.น. บก.สส.บก.น.6 และ สน.บางรัก ช่วยกันแกะรอยหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายด้วยการพยายามหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้มากพอสมควร อีกทั้งกลุ่มคนที่นายธิ (ผู้ต้องหาที่ 1) เคยติดต่อให้มาร่วมปล้นแต่ไม่ตกลงรับงานมาแจ้งเบาะแส จนสามารถรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน จับกุมได้แล้ว 5 คน ส่วน ส.ท.อุตรพงษ์ หรือกุ้ง กางนอก อายุ 21 ปี ส.ท.วีรยุทธ หรือเอ งามเขียว อายุ 24 ปี ทั้ง 2 รายเป็นทหารสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายชวนชม หรืออ้วน ศรีจันทร์ อายุ 29 ปี ยังหลบหนีอยู่
จากการสอบสวน นายธิ หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้วางแผนทั้งหมด ให้การว่า ตนเคยเป็นลูกจ้างร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งเป็นคู่แข่งกับผู้เสียหาย และตนเคยถูกคนร้ายปล้นในท้องที่ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงขณะนี้ตำรวจยังตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้ และช่วงนี้ตนติดหนี้การพนันจำนวนมาก จึงคิดว่าจะหาทีมไปปล้นเหยื่อที่ประกอบธุรกิจแบบเดียวกันบ้าง เพราะรู้ว่าต้องพกเงินสดติดตัวครั้งละจำนวนมาก จึงปรึกษากับนายกิตติชัย เพื่อนสนิทให้หาทีมมาทำงานให้เนื่องจากนายกิตติชัย มักจะอ้างตัวเป็นนายตำรวจและมีพรรคพวกเยอะ ใช้เวลาเตรียมการประมาณ 1 เดือน กระทั่งไปชักชวนเพื่อนที่เป็นทหารที่ยังหลบหนีอีก 2 คนมาร่วมก่อเหตุปล้นผู้เสียหายได้ หลังได้เงินมายังไม่มีใครกล้านำไปใช้เนื่องจากเกรงว่าตำรวจจะติดตามที่มาที่ไปของเงินได้ จึงมอบหมายให้นายวิชัย และนายอุดม นำไปฝากไว้ตามตู้เซฟธนาคาร 4 แห่ง ย่านฝั่งธนบุรีกระทั่งถูกติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหามากนัก เนื่องจากพบพิรุธจากคำให้การหลายอย่าง จึงควบคุมผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 5 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดี ส่วนทหาร 2 ราย จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีเช่นกัน ส่วนนายชวนชม หรืออ้วน ศรีจันทร์ อายุ 29 ปี ขณะแถลงข่าวได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้แล้วหลังจากสืบพบว่า นายอ้วนได้ไปบวชเป็นพระที่ จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะหลบไปจำพรรษาที่ จ.สระแก้ว ส่วนของกลางที่ติดตามยึดคืนมา ได้ประสานให้ผู้เสียหายเดินทางมาตรวจสอบและทำเรื่องรับคืบต่อไป.
