การซ้อมตาย
ก่อนที่จะตายจริง ๆ นั้นเป็นมิจฉาทิฐิหรือเปล่า
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเพื่อนของผมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑. “ทุกคนหรือทุกองค์ที่ในขณะนั้น เวลาใกล้จักตายมีใครบ้างที่คิดว่าตนเองกำลังซ้อมตาย หรือเป็นการลองตาย ทุกคนทุกองค์ต่างมีความคิดว่า กำลังจะตายจริง ตัดได้หรือไม่ ก็สุดแต่กำลังใจของแต่ละคน”
๒. “ในขณะนั้นไม่ใครคิดว่ากำลังตายไม่จริง ทุกคนต่างคิดว่ากำลังจะตายจริง ๆ จุดนี้แหละที่ผิดกับกำลังใจของเจ้า เพราะในเมื่อเจ้าตั้งใจว่าจะลองตายดู แต่จิตมันยังฝังอยู่ว่าตายไม่จริง วาระนี้ยังไม่ถึงคราวเป็นการลองซ้อมตาย เจ้าก็เลยประมาทยังตายไม่จริง เกิดคิดอย่างนั้นเข้า แต่วาระนั้นเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วเจ้าจักเสียใจไหม นี่จุดนี้เจ้าคิดผิดไหม เป็นมิจฉาทิฐิไหม” (ก็ยอมรับว่า เป็นมิจฉาทิฐิ)
๓. “มีหรือจักไม่จริง จิตคิดแต่ผลได้ ไม่รู้จักคิดถึงผลเสียบ้างเลย ตถาคตมิได้สอนให้คิดว่าความตายเป็นของไม่จริง ทดลองประมาทกับความตายได้ แต่ความจริงแล้วความตายเป็นของจริง ให้ทุกคนอย่าประมาทกับความตาย อย่าล้อเล่นกับความตาย”
๔. “ให้ดูตัวอย่างพี่สาวของ... ที่ชอบกินยาตายประท้วงสามีนักเที่ยว เธอประมาทมากเกินไป รู้ว่าสามีจักกลับมาถึงบ้านเวลาไหน เธอก็กินยาในเวลานั้น สามีกลับมาถึงพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ล้างท้องได้ทันถึง ๒ ครั้ง แต่เมื่อชะตาถึงฆาต ครั้งล่าสุดเธอก็คิดประท้วงสามีด้วยลีลาเดิม เธอกินยาในเวลานั้น คิดว่าจักอย่างไรสามีก็กลับบ้านมาทันนำเธอไปล้างท้องเหมือนเช่นเคย แต่เปล่า กฎของกรรมมันบังคับ สามีกลับผิดเวลา เธอเลยต้องสังเวยชีวิตเพราะความประมาทในการประท้วงโดยไม่เข้าท่าของเธอ จุดนี้เจ้าจักเห็นได้ว่า คนคิดว่าไม่ตายหรอก พอเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ก็ต้องไปสู่อบายภูมิอย่างไม่มีใครช่วยได้ นี่เพราะความคิดเห็นผิด ๆ ของตนเองเป็นสำคัญ” (เพื่อนผมก็ขอขมาต่อพระองค์ ยอมรับความโง่ของตนเอง)
__________________
ความเมตตาท่านดั่งมหาสมุทร
ประเสริฐสุดมากมายกว่าสิ่งไหน
หลั่งไหลมาเหมือนฝนชุ่มชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แผ่นดิน
๕. “ถ้าเจ้าประมาทคิดโง่ ๆ แบบนี้ เจ้าเกิดตายตอนนี้จริง ๆ กำลังจิตก็ยังไม่เข้าถึงพระนิพพานได้ จงอย่าหวังในทางลัดให้มากนัก วัดกำลังใจที่ตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการ ดูว่าไปได้แค่ไหน เข้าพระนิพพานได้หรือยัง” (ก็รับว่า ยัง)
๖. “แล้วอารมณ์อยากลองตาย ก็คืออารมณ์อยากตายเร็วนั่นแหละ มันเป็นอารมณ์หยาบของจิต พิจารณาดูให้ดี ๆ เถิด”
๗. “สู้มาวางอารมณ์จิตให้พร้อมรับกับความตายในทุก ๆ ขณะจิต ในทุก ๆ อิริยาบถ ในทุก ๆ สถานที่ และรักษากำลังใจตั้งมั่นตัดตรงสู่พระนิพพานเข้าไว้เสมอ จักยังดีเสียกว่า เพราะจักได้ไม่ประมาทในชีวิต”
๘. “ให้ดูตัวอย่างของผู้ที่ได้ลองตายไปได้ หรือไปไม่ได้เพราะเหตุใด ( ๒๘ ธ.ค. ๒๕๓๗ ) คุณหมอไปได้ ท่านพระ...ไปไม่ได้ คุณนอพอ คุณออ ไปไม่ได้ ทุกท่านทุกองค์มีอะไรเป็นสาเหตุ เอาจุดนี้มาศึกษาให้ได้เป็นประโยชน์แก่การวางอารมณ์จิตของตนเอง คุณหมอตัดตรง ท่านพระ...ตัดเหมือนกัน แต่เวลานั้นจิตไม่ได้เกาะพระนิพพาน ซึ่งเวลานี้ท่านหันมาแก้ไขจุดนี้อย่างจริงจังแล้ว ถ้าตายอีกทีท่านไปได้แน่ คุณนอพอห่วงศพ นอนไม่สวย คุณออห่วงศพจะไปไม่ถึงที่รับบริจาค คือมหาวิทยาลัยสงขลา”
๙. “สรุปลงท้ายถึงสาเหตุที่ยังไปไม่ได้ ๒ แง่ คือ
- ก) ท่านพระ...ไปไม่ได้ เพราะจิตมิได้เกาะพระนิพพานอย่างจริงจัง
- ข) อีก ๒ ท่านห่วงขันธ์ ๕
เจ้าก็ต้องสรุปลง ๒ จุดนี้ นำมาเป็นประโยชน์สอนจิต แก้ไขอารมณ์ไม่ให้เป็นอย่างเขาทั้งหลาย
๑๐. “วางอารมณ์จิตเสียใหม่ด้วย คิดไว้เสมอตายเมื่อไหร่-ที่ไหน ให้จิตมีอารมณ์ตัดการจุติอยู่เสมอ รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน”