ภัยที่คุณไม่รู้เท็จ ปตท.
ข้อแรกเรื่องการนำเข้าก๊าซหุงต้มกว่า 2 หมื่นตัน ในเดือนเมษายน จากข้อมูลของกรมศุลกากร พบว่า ทั้งเดือนเมษายนและพฤษภาคม ไม่ได้มีการนำเข้าก๊าซหุงต้มเลย ดังแผนภาพประกอบข้างล่างนี้
นอกจากนี้ ข้อมูลของกระทรวงพลังงานซึ่งดูแลข้อมูลพลังงานอยู่ ก็ไม่พบว่าได้มีการนำเข้าแต่อย่างใด
ท่านอาจจะคิดว่า ข้อมูลของกรมศุลกากรยังไม่ทันสมัยมั้ง คือยังไม่ update แต่เราก็พบว่าในส่วนของการส่งออกได้มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ทันสมัยจนถึงเดือนพฤษภ
าคมแล้ว นั่นคือ นอกจากจะไม่มีการนำเข้าตามคำบอกเล่าของผู้บริหาร ปตท. แล้ว ยังมีการส่งออกอีกต่างหาก ดังแผนภาพที่ถ่ายมาประกอบ
ทั้งๆ ที่ ทางบริษัท ปตท. อ้างว่าก๊าซแอลพีจีกำลังขาดแคลน แต่จากข้อมูลของกรมศุลกากรพบว่า มีการส่งออกก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม 2551 ทุกเดือน รวมทั้งสิ้น 19.7 ล้านกิโลกรัม หรือเกือบ 2 หมื่นตัน ในราคาที่ท่าเรือ (FOB) กิโลกรัมละ 25.82 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายภายในประเทศ (กิโลกรัมละ 20 บาท) ถ้าคิดราคาส่งออกเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคม ราคากิโลกรัมละ 27.73 บาท สูงกว่าราคาภายในประเทศตั้งเยอะ เมื่อราคาต่างกันมากเช่นนี้ ถามว่า ปตท. จะทำอย่างไร
สำหรับความเห็นของคุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ “ปีนี้ต้องนำเข้าแอลพีจี 4 แสนตัน” เป็นที่สงสัยว่า คุณประเสริฐเอาตัวเลขนี้มาจากไหน เพราะตัวเลขนี้คิดเป็น 11% ของปริมาณที่มีการใช้ในปี 2550 ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมา 5 เดือนแล้ว(ตามข้อมูลกรมศุลกากร) ยังไม่มีการนำเข้าตามที่ ปตท. อ้างเลย
สำหรับการจับเท็จในข้อที่สอง ที่ว่า “นายณัฐชาติกล่าวว่า หากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ก็จะมีผลให้ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึง 1 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน”
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ปกติราคาก๊าซหุงต้มจะขึ้นลงตามฤดูการ ถ้าในฤดูที่อากาศหนาวราคาก๊าซก็จะขึ้นสูง อากาศร้อนราคาก๊าซก็จะลดต่ำลงอย่างมาก
เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2550 ราคาก๊าซส่งออกต่ำสุดในเดือนพฤษภาคม ราคาตันละ 382 ดอลลาร์ แต่ในเดือนธันวาคมขึ้นสูงถึง 623 ดอลลาร์ต่อตัน นั่นคือการขึ้นลงของราคาในระหว่างปีมีการแปรผันเกือบเท่าตัว
จริงอยู่ราคาน้ำมันดิบในปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 50-89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 137 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไม่มีใครทราบได้ว่า เมื่อไหร่จะถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และก๊าซหุงต้มจะขึ้นไปอีกเท่าใด แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การแปรผันระหว่างปีที่ราคาต่างกันเกือบเท่าตัว นี่เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน แต่จงใจให้ข้อมูลที่โน้มน้าวให้บริษัทได้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว
6. สรุป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง บริษัท ปตท. ได้ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับประชาชน สมควรอย่างยิ่งที่การเมืองภาคประชาชนต้องร่วมมือกันตรวจสอบอย่างใกล้ชิดกันต่อไป