เด็ดๆภัยเพศเดียวไม่สวมเกิดเรื่องรักให้อภัย

 

เพราะรักจึงให้อภัย ติดเอดส์จากแฟนโดยไม่สวมถุงยาง จนคิดจะฆ่าให้ตาย

Mthainews: สาเหตุหลักของการติดเชื้อ HIV หรือเชื้อเอดส์ ก็คือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย รายการวีไอพี นำเสนออีกกรณีหนึ่งที่ ชายผู้ติดเชื้อ รับเชื้อเอดส์มาจากแฟนซึ่งเป็นผู้ชาย  (ชายรักชาย)โดยพลาดพลั้งไม่ได้สวมถุงยางอนามัย

คุณบอย (นามสมมติ) กล่าวว่า เหตุที่มาเปิดเผยเรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ ให้เด็กและเยาวชนรู้
วิธีป้องกัน โดยตนติดเชื้อมาแล้วประมาณ 2 ปี มีอาการเวียนหัว ระบบขับถ่ายแย่ เดือนหนึ่งจะเป็นหนัก 1 ครั้ง แต่จะเวียนหัวบ่อยมาก ยังไม่ได้รักษาอะไรเพราะสุขภาพยังแข็งแรง ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องรักษาด้วยยา  ส่วนแฟนติดเชื้อมา 10 กว่าปี บางครั้งก็ทรุดไปเลย ไม่มีเรี่ยวแรง ปัจจุบัน เขาไม่ได้ทานยาแล้ว เพราะค่ายาแพง ต้องทานยาเช้า 30 เม็ด เย็น 30 เม็ด รวมเป็น 60เม็ดต่อเดือน

“ตอนแรกผมป้องกันตลอด พอหลังๆไม่ได้ป้องกันก็เลยติด พลาดคิดว่า เรารักเขา เขารักเรา ครั้งเดียว ไม่เป็นไรผมไม่รู้ เขาถามว่ารักตัวเองมั้ย ผมบอกไม่เป็นไรหรอก แค่ครั้งเดียว  แต่ครั้งต่อๆไปก็ไม่ป้องกัน คิดว่าเราอยู่ด้วยกันเราคงไม่ติด ครั้งแรกที่เราป้องกัน เราคิดว่ามันสกปรกเท่านั้น เราก็ไม่รู้ว่าเอดส์มันติดได้จากสาเหตุใด “

รศ.นพ.วินัย รัตนสุวรรณ คณะวิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เชื้อมันเข้าจะเข้าทางแผล มีแผลถลอด เวลาตรวจเลือดมันต้องใช้เวลา เพาะไวรัส 2-3 อาทิตย์ ดังนั้นคงที่สัมผัสเชื้อใหม่ๆอาจจะยังไม่พบ มีบางรายรับไวรัสจำนวนน้อย กว่าจะแสดงผลประมาณ 3 เดือนก็มี

ตอนที่มีเซ็กส์ช่วงแรก ผมไม่เคยเอาข้างหลัง คิดว่าสกปรกเลยไม่ได้สวมถุงยาง ไม่รู้มาก่อนเลยว่าแฟนติดเอดส์ เขาแข็งแรงมาก เป็นคนสมบูรณ์ ไม่มีแผล ตุ่ม อาการอะไรให้เห็น คบมานาน 5-6 ปี มารู้ทีหลังประมาณปีสองปี เพราะเห็นเขาทานยาบ่อยๆ เขาบอกยาวิตมิน แต่ทำไมเขาต้องแอบ เลยสงสัยแอบเอายาไปให้หมอตรวจดู จึงได้รู้ว่า เป็นยาต้านไวรัส ตอนแรกผมงงว่าเป็นยาอะไร เมื่อรู้ว่าเป็นยาต้านเอดส์ จึงตกใจ รีบวิ่งออกมาเลย

มั่นใจเลยว่าแฟนเป็นเอดส์ โมโหแค้นมาก พอไปถึงบ้านคิดว่า ทำไมเขาต้องฆ่าเราด้วย ทำไมทำกับเราแบบนี้ คิดจะฆ่าเขา ไม่อยากอยู่แล้ว พอพ่อแม่ ญาติพี่น้องรู้เขาจะทำอย่างไร อายคน จึงหาเชือกมาม้วนๆพับให้ยาวที่สุด ไปผูกกับพัดลม ห้อยตัวอยู่จนร่วงลงมาโดยไร้สติ ตื่นขึ้นมาจึงยังรู้ว่าตัวเองยังไม่ตาย

พอเขาเลิกงาน เขาเคาะประตูเข้ามาที่บ้าน ผมเตรียมหยิบมีด พอเขาเข้ามาถาม เขาถามเหนื่อยมั้ย กินข้าวรึยัง ซื้อของมาฝาก เขาย้ำว่าเหนื่อยมั้ย ผมจึงทิ้งมีดแล้วถามเขาว่า ไหนบอกรักไง ทำไมต้องฆ่าเรา เป็นเอดส์ทำไมไม่บอก

เขาเลยบอกกลับมาว่า มีอะไรก็พูดกันสิ เขาให้ข้อมูลเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผมหนีไปต่างจังหวัด เที่ยวเล่นไป3-4 เดือน ถ้ามาง้อก็กลับ ไม่ง้อก็ไม่กลับ แต่เขาก็ตามไปหาจนเจอ เขาวิ่งมากอดบอกว่าอย่าหนีไปอีกเลย ผมตบเขาในตอนนั้น

ครั้งแรกที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล ตรวจเลือด เพราะหมอไม่รูว่าเป็นเพราะอะไรจู่เวียนหัว ท้องเสีย ป่วยหนัก จึงตรวจเลือดเพื่อตรวจหา HIV คิดมาตลอดว่า ติดเชื้อแน่ๆ เราต้องเป็นแน่นอนจนผลออกมาว่าเป็น อ่านผลตรวจเสร็จก็รีบฉีกทันที เพราะไม่อยากให้ที่บ้านรู้

หมอแนะนำว่า ยังแข็งแรงอยู่ ก็หมั่นทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่ช่วงแรกๆผมทานข้าวไม่ได้เลย หาข้อมูลเรื่อยๆ เอากรณีของแฟนมาเป็นตัวอย่าง จนอยู่ได้จนถึงวันนี้ ปกติผมชอบผู้หญิง เที่ยว จีบผู้หญิง ปกติ จึงไม่รู้ว่าทำไม่จึงกลายมาเป็นแบบนี้

ตอนนั้นผมทำงานที่สระบุรี แลกเบอร์กัน ไม่เคยโทรหาเขาเลย เพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่เขาติดต่อมาเรื่อยๆ ถามไถ่เหนื่อยไหม แต่ก็ไม่เอะใจเพราะตอนนั้นผมก็มีแฟนเป็นผู้หญิงด้วย เขาชวนไปเที่ยวบ้าน

ตอนที่ผมทะเลาะกับแฟน ไปช่วยเขาทำสวน กรีดยาง ต่างจังหวัด ไม่ทราบเลยว่าเขาเป็นเกย์ เพราะร่างกายแข็งแรง บึกบึน พอแซวผู้หญิง เขาก็แซวผู้หญิง

พอกลับมากทม.เขาบอกผมว่า เขารักผม ผมตกใจ เพราะว่ามันไม่ใช่ เลิกคบกับเขาไป ไม่ติดต่อ เปลี่ยนเบอรื แต่เขาก็ตามมาจนเจอ เขาถามว่าให้โอกาสได้ไหม เขาบอกว่าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ผมชอบผู้หญิง จึงคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ แต่เขาก็ทุ่มเทให้ทุกอย่าง อยากไปเที่ยวไหนก็ไป อยากได้แหวน โนตบุค มอเตอร์ไซต์ เงินสด เขาให้ทุกอย่าง

ตอนนั้นผมทะเลาะกับแฟน ด้วยความเหงา จึงตกลงคบกันดู ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน รู้แต่ว่าพี่เขาก็ดี ดูแลทุกอย่าง แต่ตอนนั้นก็คบกับผู้หญิงอยู่ แต่พอมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง ป้องกันทุกคน

เคยไปอยู่กับแฟน และครอบครัวเขา ครอบครัวเขาก็ดีกับผม เหมือนลูกคนหนึ่ง ผมทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อไปอยู่กับเขา พ่อเขาไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน แต่แม่เขา และญาติบางคนรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน แต่พ่อเขาไม่รู้ว่าลูกเขาเป็นเกย์ แต่รู้ว่าเป็นเอดส์

ลองดู ไม่เป็นไร ไม่ได้เสียหาย ช่วงแรกคิดว่าจะหลอกเขาอย่างเดียว เพราะเขาทุ่มให้ตลอด

แฟนยังเป็นวิทยากร ผู้ติดเชื้อเอดส์ให้ข้อมูลผู้ติดเชื้อคนอื่นๆด้วย แต่ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไร ผมเคยไปงานกาชาดจังหวัดหนึ่ง เป็นซุ้มโรคเอดส์ ไปยืนแจกถุงยาง ไปเดินรณรงค์กับเขาด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนเหล่านี้เป็นเอดส์กันทั้งนั้น …

หลังจาก ผมกับแฟนย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ กทม.เริ่มต้นด้วยกันสองคน เขาทิ้งครอบครัว ทิ้งสมบัติที่จะได้รับมาอยู่กับผม ทิ้งทุกอย่างยอมแลกเพื่อเรา เขามักจะเขียนไดอารี่ บอกความรู้สึก ทำให้รู้ว่าเขาก็เสียใจเป็นเหมือนกัน เขาไม่เคยอ่อนแอให้เห็น ทุกเรื่องที่เขาเขียนเขาก็จะร้องไห้ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี เขาร้องตลอด

…เอารูปเธออกมาไว้บนหัวนอน ก็คงจะนอนแทนที่ที่เคยนอนห่มผ้าให้เธอ มีเสื้อที่เธอไม่ได้เอาไปด้วยเอามาไว้นอนกอด แต่ไม่รู้ว่าจะนอนหลับหรือเปล่า คงต้องพึ่งยาแก้แพ้กับดีคอลเจนเหมือนเดิม กินให้ตายจนไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะหลับ ทุกวันนั้ฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่หรอก กลางคืนตัวร้อน ปวดหัว อาศัยยาช่วยให้ไปทำงานได้ ฉันอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะหาได้ เผื่อฉันตายหรือไม่สบายเธอกับแม่จะไม่เดือนร้อน ฉันผิดเหรอที่ ที่ฉันคิดและทำเพื่อคนที่ฉันรัก ฉันอยากเห็นคนที่ฉันรักสบายและไม่เดือดร้อน สำหรับฉันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ…

สิ่งที่เขาทำไม่เคยมีสิ่งไหนที่ไมดี มีแต่ผมที่ทำให้เขาเสียใจมาตลอด ตอนนี้ผมอายุ 28 ถ้าผมอยู่ได้ถึง 10 ปี ไม่ตายก่อน ก็จะดูแลเขา จนกว่าเขาจะไม่มีลมหายใจ อยู่ให้มีความสุข ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แบ่งปันว่าเขามีความทุกข์ด้านไหน ตอนนี้ไม่คิดจะหมดหวัง เพราะเรายังมีคนที่ต้องดูแล ครอบครัว

ผมอยู่ด้วยกันมา 6 ปี เขาหอมแก้มทุกวันก่อนนอนทุกคืน ไม่มีวันไหนที่เขาไม่หอมแก้ม อุทาหรณ์นี้ทำให้รู้ว่า ต้องป้องกัน สวมถุงยาง น้องๆเยาวชน ต้องป้องกัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นหรือไม่เป็น ทางที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่า ติดเอดส์หรือไม่ ก็คือ ตรวจเลือด