วันนี้ ( 22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายเสถียร จันทร ชาวบ้านวัดบ้านแก ต. ศรีพราน อ. แสวงหา จ. อ่างทอง ว่า มีชาวบ้านร่ำลือกันไปต่าง ๆ นานา ว่า ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านแก มีผีสิงสถิตและแสดงความเฮี้ยน จนชาวบ้านพากันหวาดกลัวไม่กล้าเข้าวัด จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงได้พบกับพระครูสุตานุยุต เจ้าอาวาสวัดบ้านแก ได้เล่าความเป็นมาของศาลาการเปรียญที่มีเสียงร่ำลือกันว่ามีผีสิงและแสดงความเฮี้ยนนั้น ว่า เป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ต่างเห็นกันมาแล้ว จนปัจจุบันไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ศาลาการเปรียญ พร้อมกับมอบให้พระลูกวัดและชาวบ้านพาไปพิสูจน์ โดยพบว่าที่ศาลาการเปรียญมีสภาพเงียบสงบ สภาพสกปรกส่งกลิ่นเหม็น ที่พื้นศาลาการเปรียญมีทั้งขี้นก อึสุนัข และขยะเต็มไปหมด โดยมีเมรุปลูกสร้างอยู่ด้านหลัง ส่วนพื้นด้านล่างพบว่ามีจอมปลวกขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนโกศใส่กระดูก และมีศาลเพียงตาสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ลักษณะคล้ายถูกทิ้งร้างมานาน
จากการสอบถามนางรุ่งทิพย์ อินน้อย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 4 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง กล่าวว่า วัดบ้านแกมีพื้นที่ติดกับ ต.หนองแม่ไก่ และส่วนใหญ่ชาวบ้านหนองแม่ไก่จะใช้วัดแห่งนี้ จัดงานทางพระพุทธศาสนา แต่เมื่อ 2555 ระหว่างจัดงานศพกำนันคนหนึ่ง ได้โทรศัพท์สั่งให้ลูกนำน้ำปลามาให้ที่วัด และหลังจากนั้นครู่เดียว มีรถจักยานยนต์วิ่งเข้าในวัดและขี่เข้าไปใต้ถุนศาลาการเปรียญหายไปต่อหน้าต่อตา จนทำให้ตนไม่กล้ามาที่วัดแห่งนี้อีกเลย
ด้าน พระครูสุตานุยุต เจ้าอาวาสวัดบ้านแก กล่าวว่า เรื่องที่มีคนเจอผีที่ศาลาการเปรียญนั้น น่าจะเกิดกับจิตของผู้คนที่อ่อนไหวมากกว่า แต่แปลกมากตรงที่ศาลาการเปรียญสร้างตั้งแต่ปี 2512 จนถึงปัจจุบันก็ยังสร้างไม่เสร็จ และเปลี่ยนผู้รับเหมามาแล้วกว่า 100 ราย เนื่องจากผู้รับเหมาแต่ละราย มีอันต้องพากันหนีทิ้งงานไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบางรายนอนเล่นอยู่ใต้ถุนศาลาการเปรียญอยู่ดี ๆ มีคนไปปลุกและบอกเจ้าอาวาสเรียกให้มาหาตน ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยบอกให้ใครไปเรียก จึงเป็นเรื่องแปลกจริง ๆ ส่วนส่วนศาลาการเปรียญที่สกปรกนั้น หากมีงานถึงจะทำความสะอาดกันสักครั้ง เพราะถ้าทำความสะอาดทิ้งไว้ จะมีคนตายเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
พระครูสุตานุยุต กล่าวด้วยว่า ในส่วนเรื่องศาลาการเปรียญที่เฮี้ยนนั้น อาตมาไม่เคยเจอกับตัวเองแบบจัง ๆ เพียงแต่เคยเจอเรื่องแปลก ๆ ตอนหลังจากจัดงานบนศาลาการเปรียญเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงยกสวิตช์ตัดไฟฟ้าลงเพื่อดับไฟ แต่ปรากฏว่าเมื่อยกสวิตช์ลงแล้วไฟฟ้าไม่ดับ จนต้องพยายามอีกหลายครั้ง แต่ไฟฟ้าไม่ดับอีก จึงต้องเดินออกไปนอกศาลาการเปรียญสักพัก ก่อนจะเดินมายกสวิชท์ดับไฟอีกครั้ง จึงสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกใจมาก ๆ
ขณะที่ พระสัมฤทธิ์ จิตติสาโร พระลูกวัดบ้านแก เปิดเผยว่า ศาลาการเปรียญแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2512 ส่วนเมรุสร้างต่อมาในปี 2528 จากนั้นมีญาตินำศพผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง แต่พอเจอความเฮี้ยน จนไม่มีใครกล้าเดินทางมาวัดตามลำพังคนเดียว และส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่มหลาย ๆ คน เพราะกลัวความเฮี้ยนของสิ่งลี้ลับ.