สรรพสัตว์เวียนว่าย ตายเกิดอยู่ในกฎแห่งกรรมสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอย่าได้ ก่อเวรซึ่งกันและกันเลย
ผมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว เตี่ยมีอาชีพค้าขายมิใช่ค้าขายสิ่งของแต่เป็นชีวิตเลือดเนื้อ ทุกวันเตี่ยจะตื่นแต่เช้ามารอรับไก่ที่ชาวบ้านนำมาส่งจัดการ ต้มน้ำใส่ปี๊บโดยใช้ฟืนจุดไฟต้มน้ำจนเดือดพล่าน
ชาวบ้านเจ้าประจำนำไก่มาส่งเตี่ย จะจัดการลับมีดประจำกายให้คมกริบ... จับคอไก่ยกขึ้นมาถอนขนกระจุกหนึ่งที่ลำคอใกล้หัวแล้วใช้มีดคมกริบกรีดขวับที่ลำคอ เลือดพุ่งกระฉูดเหมือนท่อน้ำรั่ว แต่ไม่มีเสียเปล่าเตี่ยจะนำมันจ่อลงในหม้อกระทั่ง เลือดหยดสุดท้ายของมันหมดตัว แกจะโยนร่างไร้วิญญาณนั้นใกล้เตาไฟ เตี่ยเชือดไก่มานานจนชำนาญ...ไม่นาน ไก่ที่เขานำมา ส่งก็นอนตายก่ายกันเป็นกอง เสียงร้องก๊าก ๆ ... ที่เซ็งแซ่เงียบสงบลง
จากนั้นนำไก่ใส่ลงในปี๊บ ที่มีน้ำเดือด ทิ้งไว้สักพักนำขึ้นจัดการถอนขนจนตัว ขาวโพลนเกลี้ยงเกลาจากนั้นนำมันไปขายที่ตลาดโดยเตี่ยมีเขียงไก่ที่ตลาดเป็นของตัวเอง
ทุกวันเตี่ยจะทำเช่นนี้ วันไหนขายดีก็กลับเร็ว วันไหนขายไม่ดีก็อยู่ถึงเย็น แต่เตี่ยไม่ท้อไม่เคยคิดไปทำอาชีพอื่น เนื่องจากขายไก่กำไรงามเตี่ยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำงานขยันโดยมีผมเป็นผู้ช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกเรื่องยกเว้นอย่างเดียว คือการเชือดไก่เพราะเห็นเตี่ยทำแล้วรู้สึก สยดสยองเมื่อเห็นเลือดสาดกระเซ็นและ อาการตีปีกดิ้นทุรนทุรายของไก่
ผมเคยเห็นไก่บางตัวถูกเชือด และนำเลือดใส่หม้อจนหมดตัวแต่ยัง ไม่ตายมันดิ้นตีปีกเสียงดับพับ ๆ เถือดไถล กระโดดดิ้นกระเสือกกระสนไปทั่วจนเกือบ ชนปี๊บต้มน้ำกว่าจะแน่นิ่งเห็นแล้วอด แปลกใจในความอึดปนสยองของมันเสียไม่ได้
เรื่องกินเป็ดกินไก่นั้นบ้านเราไม่เคยขาดทั้งต้มทั้งทอดทั้งผัดกินกันจนเบื่อ หน้าจะเป็นไก่เข้าไปทุกที
ในวันพิเศษอย่างวันตรุษจีนเตี่ยจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเนื่องจากวันนี้ผู้คน จะพากันซื้อเป็ดซื้อไก่เป็นจำนวนมาก หน้าบ้านของเราจึงเต็มไปด้วยสัตว์ทั้งสอง ชนิด ขนเป็ดไก่ปลิวว่อน กลิ่นคาวเลือด สาบไก่ฟุ้งไปทั่วแต่เราก็เคยชินกันเสียแล้ว กระทั่งตรุษจีนที่ผ่านมาเตี่ยเรียกผมเข้าไปหา
“ลื้อก็โตพอแล้วต่อไปนี้เตี่ย จะให้ลื้อช่วยเชือดคอไก่” ผมปฏิเสธ บอกว่าไม่อยากทำเตี่ยเสียงดัง ด้วยความโกรธ
“ไม่ทำไม่ได้โว้ย ! ลื้อไม่ทำใคร จะทำให้หม่าม้าหรือเจ๊ลื้อทำหรือไง... ช่วยกันทำมาหากินหน่อยซิวะทำเป็น หยิบโหย่งสำออย” ผมไม่มีทางเลี่ยง
ครั้งแรกที่ทำรู้สึกใจมันสั่น ๆ คว้าคอ ไก่ได้รู้สึกคอมันอุ่น ๆ เต้นตุบ ๆ มันดิ้นรน สุดฤทธิ์ทั้ง ๆ ที่ถูกมัดขาไว้แน่นปีกถูกขัด เอาไว้ไม่น่าเชื่อเลยว่าไก่ตัวแค่นี้จะมี เรี่ยวแรงมากมันคงดิ้นสุดชีวิตเมื่อรู้ว่า ความตายใกล้เข้ามาปากก็ส่งเสียงร้อง “ก๊าก ๆ ๆ” จนแสบแก้วหูผมจัดการ ตามที่เห็นเตี่ยทำมาแต่เล็กแต่น้อยถอนขนตรงคอใช้มีดประจำตัวของเตี่ยกลั้นใจ เฉือนควับไปบนคอของมันมันยิ่งดิ้น เมื่อเลือดพุ่งเลือดอุ่น ๆ กระเซ็นถูกมือ ผมยิ่งกำคอมันแน่นจัดการจ่อคอ มันลงในหม้อเลือดแดงข้นไหลลงหม้อจากพุ่ง กระฉูดกลายเป็นหยดแล้วเจ้าไก่ก็ อ่อนปวกเปียกอยู่ในมือผม
นั่นเป็นไก่ตัวแรกที่ผมเชือด แล้วก็มีตัวต่อ ๆ ไป แต่ผมไม่เคยชิน กับการฆ่าเลย ขณะนี้ผมมีมีดประจำตัว เป็นของตัวเองแล้ว พักหลัง ๆ บ่อยครั้งผม ต้องทำเองเพียงคนเดียวเนื่องจาก เตี่ยเริ่มป่วย รวมทั้งนำไก่ ไปขายในตลาด
เตี่ยป่วยบอกว่าเจ็บคออาการ เจ็บปวดของแกมากขึ้นทุก ๆ วัน กระทั้งล้มหมอนนอนเสื่อกินข้าว กินน้ำไม่ค่อยได้ เวลากินก็จะร้องว่า เจ็บคอ เตี่ยทรุดอย่างรวดเร็วเพียงสองอาทิตย์ ก็ผ่ายผอมตาลึกโบ๋
แถมที่คอซึ่งเคยปูดบวมขณะนี้ กลายเป็นแผลปะทุเน่าเปื่อยมันเน่า อยู่ไม่นานก็เกิดอักเสบกลายเป็นโพรงแทบทะลุเข้าไปในคอแผลของเตี่ยน่ากลัว มากจนผมและคนในบ้านไม่กล้ามอง เตี่ยร้องครวญครางลั่นบ้าน ในที่สุดเรา ก็พาไปหาหมอหลังจากพยายามหลาย ครั้งแต่แกไม่ยอมไปหมอฉีดยาระงับ ปวดและให้ยามากินหลายอย่าง แล้วให้กลับบ้านหมอเห็นว่าถึงอย่างไร เตี่ยก็ตายรักษาไม่หายแน่นอนผมหอบเตี่ยกลับบ้านตอนนี้แกช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว แต่เตี่ยไม่ตายง่าย ๆ นอนทุกข์ทรมานจน เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก บ่อยครั้งเมื่อแกปวด มาก ๆ จะ เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาสะเปะสะปะ ทั้งสองข้างฟาดที่นอนเสียงดังปึงปังอาการ เหมือนเป็ดไก่ตีปีกดิ้นรนก่อนตาย
ช่วงสุดท้ายของชีวิตแผลที่คอเตี่ย เน่าเหม็นส่งกลิ่นคลุ้ง แกร้องเสียงแหบพร่า ๆ ตอนนี้แผลทะลวงไปจนถึงหลอดลมเห็น ลำคอข้างในพวกเราได้แต่เบือนหน้าหนีด้วย ความหวาดเสียวในที่สุดเตี่ยก็ไม่อาจทนความ เจ็บปวดได้แกสิ้นใจก่อนตายเสียงร้องออกมา เห็นไก่ถูกเชือดดิ้นพราด ๆ แล้วแน่นิ่งผมรู้สึก สลดใจอย่างที่สุด
ผมอดคิดไม่ได้ว่านี่กระมังที่เป็นกรรมของเตี่ยที่เคยเชือดเป็ดไก่มาเป็นจำนวน มากจึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ผมเริ่มวิตกว่าจะ เป็นเหมือนเตี่ยหรือเปล่าจึงงดการเชือดเป็ด ไก่ไประยะหนึ่ง กระทั่ง อาม่า อาเจ๊ มาบอกว่า ถ้าผมไม่ทำแล้วจะไปทำมาหากินอะไร ครอบครัวเราไม่ได้ทำธุรกิจอื่นลื้อจะปล่อยให้คนในบ้านอด ๆ อยาก ๆ ตายหรือ อย่างไร
ในที่สุดผมต้องจำใจเป็นมือฆ่าอีกครั้ง ผมทำไปเรื่อย ๆ กระทั่งพี่สาวและน้องสาว ออกไปแต่งงานมีครอบครัวอาม่าก็ตาย ผมจึงหันมาซื้อไก่เป็ดที่เขาฆ่าแล้วไปขาย แม้จะได้กำไรน้อยกว่า ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรแถมไก่เป็ด สำเร็จรูปบรรจุใส่ถุงใส่ซองแยกชิ้น ส่วนมาพร้อมสรรพจนผมแทบไม่ต้องลงมือ ทำอะไรเพียงแต่ขายอย่างเดียว
ตอนนี้เองที่ผมเจอสาวถูกใจเธอเป็นสาวใช้ของบ้านผู้มีอันจะกินมาอุดหนุน สินค้าของผมประจำจนคุ้นเคยเธอเป็นหญิงไทยมาจากภาคอีสานรูปร่างท้วมผิวเข้ม ผมมักแถมของเป็นกำนัลพิเศษให้เธอเสมอ เราคบกันกระทั่ง กลายเป็นคนรู้ใจและแต่งงาน กัน ในที่สุด
เธอเป็นผู้หญิงหนักเอา เบาสู้ ขยันขันแข็ง ผมกับเธอมีลูกด้วยกันสองคน ชีวิตนับ ว่ามีความสุขพอสมควรบนความพอเพียงกระทั่ง วันหนึ่ง จู่ ๆ ผมรู้สึก ว่ามีสิ่งผิด ปกติเกิดขึ้นที่คอ มันเหมือนฝีปูดขึ้นมาจากเม็ดเล็ก ๆ และโตขึ้น อย่างเร็วตกใจมากนึกถึง เตี่ยขึ้นมา แล้วขนลุกประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแล้ว หรือนี่นับวันมันทวีความเจ็บปวดมากขึ้น ผมแอบไปหาหมอตรวจดูว่าเป็นอะไรกันแน่
แทบล้มทั้งยืน เมื่อหมอบอกว่า เป็นมะเร็งต้องผ่าตัดคอ “มันเพิ่งอยู่ขั้นแรก พอรักษาให้ หายได้”
เวลาผ่าตัดมาถึงผมถูกวางยา หลังจากนั้นไม่รู้สึกตัวมารู้สึกอีกที เมื่อเจ็บแปลบที่คอ อาการมาจากมีดหมอ ที่เฉือนลงไปในคอหมอจัดการล้วงควัก เฉือนกรีด ผมพยายามดิ้นรนแต่ถูกบุรุษ พยาบาลมาจับตรึงไว้รู้ตัวว่ายาสลบที่ หมอให้หมดฤทธิ์ ก่อนลงมือผ่าตัด...ผมกำลัง ถูกเชือดทั้งที่มีสติ!
การผ่าตัดดำเนินต่อไปเหมือนมันจะไม่จบสิ้นร้องก็ร้องไม่ออกดิ้นรนกระทั่ง สลบไสลไปก่อนสลบนึกถึงไก่ที่ตนเชือด คงเจ็บปวดทุรุนทุรายเช่นนี้จึงตั้งจิตภาวนาว่าถ้ารอดตายจะอุทิศตนทำทุกอย่างเพื่อศาสนาอุทิศกุศลผลบุญ ทั้งหมดให้กับเป็ดไก่ที่ฆ่า
ภาวนาเสร็จรู้สึกเย็นวูบที่คอ เกิดอาการชาไร้ความเจ็บปวด
หลังผ่าตัดผมเกิดอาการข้างเคียง มือขวาเป็นอัมพาตใช้มือได้เพียงข้าง เดียวส่วนเจ้าเนื้อร้ายจะหมดจากตัวหรือไม่หมอยังให้คำตอบไม่ได้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์
ตอนนี้ผมหันหน้าเข้าวัด เอาศาสนา เป็นที่พึ่งหวังว่า เวรกรรมที่ทำมาคงหมดสิ้น ทุกวันนี้อยู่อย่างคนพิการหวาดระแวงในโรคร้าย อ่านเรื่องของผมแล้วคงตระหนัก ถึงกฎแห่งกรรม กรรมที่ติดจรวดมาทันตา เห็นของผมและเตี่ยหวังว่าคงไม่มี ใครประสบชะตากรรมเช่นผม