วันนี้ ( 1 มี.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง “เหรียญ 2 ด้านของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเสริมความงามที่ประชาชนต้องรู้จัก” นพ.ชูชัย ตั้งเลิศสัมพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง รพ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหาการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสตีรอยด์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการนำมาใช้ทาที่ใบหน้า ยากลุ่มนี้ประชาชนสามารถซื้อหามาใช้ได้เอง ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ แต่ปัญหาคือจากที่ประชาชนส่วนมากคิดว่าเป็นแค่ยาทาไม่มีอันตราย จึงใช้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทราบถึงผลกระทบที่ตามมา ขณะที่ในประเทศเจริญแล้ว อย่าง ประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น ได้กำหนดให้กลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อได้เอง ต้องมีใบสั่งแพทย์
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมสตีรอยด์ มีทั้งผลข้างเคียงเฉียบพลัน อย่างการเกิดสิว รวมไปถึงผลข้างเคียงเรื้อรัง ที่เกิดจากการใช้ต่อเนื่อง อาทิ หากหยุดใช้จะเกิดสิวหรือภาวะผิวหนังอักเสบ เรียกว่าเป็นภาวะติดยา อีกทั้งยังต้องใช้ยาที่มีตัวยาที่มีความรุนแรงมากขึ้น บางรายเกิดภาวะผิวบาง ถึงขั้นออกแดดไม่ได้ ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยกลุ่มนี้มาหาแพทย์ผิวหนังรักษามาขึ้น ส่วนตัวเจอใน 1 สัปดาห์ จะมีคนไข้มารักษาด้วยสาเหตุนี้ประมาณ 8-10 ราย ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก ที่ออกมาเตือนเพราะยากลุ่มนี้มีราคาไม่แพง แถมหาซื้อได้ง่าย บ้านเรามีเป็น 100 ยี่ห้อ ซึ่งไปร้านยาก็แล้วแต่เขาจะหยิบให้ เมื่อผู้ใช้ทาแล้วรู้สึกผิวเรียบก็ใช้ต่อเนื่อง โดยคิดว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้กรดวิตามินเอรักษาสิวที่เป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง ยังควบคุมไม่ได้เช่นกันทั้งที่การจำหน่ายยากลุ่มนี่ต้องมีใบสั่งแพทย์แต่ปัจจุบันก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา
พญ.อรยา กว้างสุขสถิตย์ อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถิติของโรคผิวหนัง พบว่า ปัญหาสิวอยู่ในอันดับที่ 1 กรณีเป็นไม่มากก็ไม่เป็นปัญหาแต่ในกลุ่มที่เป็นมากต้องได้รับรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง แต่ปัญหาที่พบคือคนไข้จะซื้อยาหรือครีมมารักษาเอง โดยเฉพาะยากลุ่มกรดวิตามินเอขนาดสูง ซึ่งตามปกติยากลุ่มนี้จะต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียงเยอะ แต่ประเทศไทยปล่อยให้คนไข้สามารถซื้อตัวยาดังกล่าวได้เอง ทั้งนี้ผลข้างเคียงจากการใช้กรดวิตามินเอขนาดสูงนั้นจะทำให้การทำงานของตับผิดปกติ ไขมันและระดับน้ำตาลในเส้นเลือดสูง ที่สำคัญหากใช้ในหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เด็กเกิดมาพิการอย่างรุนแรง
นพ.อุดมศักดิ์ วงศ์ปารมี อนุกรรมการประชาสัมพันธ์อนุกรรมการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศไทยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังจริงประมาณ 477 คนเท่านั้น และประมาณ 50-60 คนไม่ได้ประกอบอาชีพแล้ว