หนังสือพิมพ์เป็นสื่อกลางที่จะถ่ายทอดข่าวสารให้เราได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ต่าง ๆ ทุกวัน แต่จะมีใครนึกถึงหรือไม่ว่า หนังสือพิมพ์เป็นแหล่งที่มาของสารตะกั่วที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ทั้งนี้ก็เพราะหมึกพิมพ์ของหนังสือพิมพ์นั้นมีสารตะกั่วปนอยู่และเมื่อเราอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จแล้วก็มักจะเก็บรวม ๆ ไว้ พอมาก ๆ เข้าก็ชั่งกิโลขาย เพื่อนำไปพับถุงกระดาษขายอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนของสารตะกั่วในอาหาร ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้
จากรายงานของกรมวิทยาศาสตร์บริการซึ่งทำการตรวจวิเคราะห์สารพิษในหนังสือพิมพ์ พบว่า มีสารตะกั่วปริมาณสูงสุดถึง 1,455 มิลลิกรัมต่อหนังสือพิมพ์ 1 กิโลกรัม และมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการศึกษาประมาณของโลหะหนักในขนมที่บรรจุกระดาษหนังสือพิมพ์ เมื่อปี 2525 ขนมทุกชนิดก่อนบรรจุในถุงกระดาษมีสารตะกั่วปนเปื้อน โดยเฉลี่ย 0.1 มิลลิกรัมต่อ ขนมหนัก 1 กิโลกรัม และเมื่อบรรจุลงในถุงกระดาษหนังสือพิมพ์นาน 15 นาที ขนมจะมีปริมาณตะกั่วเฉลี่ย 0.3 มิลลิกรัมต่อขนมหนัก 1 กิโลกรัม และเมื่อบรรจุขนมนั้นนาน 1 ชั่วโมง จะมีปริมาณตะกั่ว โดยเฉลี่ยเพิ่มเป็น 0.52 มิลลิกรัม ต่อขนม 1 กิโลกรัม และพบว่ากล้วยแขก และปาท่องโก๋มีสารตะกั่วปนเปื้อนสูงถึง 3.39 และ 3.99 มิลลิกรัมต่อขนม 1 กิโลกรัม โดยลำดับ
ทั้งนี้ เพราะขนมประเภททอดน้ำมันจะมีน้ำมันเป็นตัวช่วยละลายตะกั่วจากหมึกพิมพ์ให้มาปนเปื้อนในอาหารได้มากกว่า จากปริมาณสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในอาหารนี้เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานที่กำหนดให้มีประมาณสารตะกั่วปนเปื้อนในอาหารได้ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อปริมาณอาหาร 1 กิโลกรัม จะเห็นได้ชัดเจนว่าการบรรจุอาหารในถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคเลย โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เมื่อเราได้รับสารตะกั่วเข้าไปสะสมในร่างกายมาก ๆ อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง การทำงานของไต และกล้ามเนื้อหยุดทำงานจนเป็นอัมพาตได้
เมื่อทราบแล้วว่าอันตรายจากการบริโภคอาหารที่บรรจุด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์นั้นมีมาก ผู้บริโภคจึงควรระวังตนเองด้วยการไม่ซื้ออาหารที่บรรจุด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และแม่ค้าทั้งหลายก็ควรเลิกใช้ถุงกระดาษหนังสือพิมพ์หันมาใช้ใบตองที่สะอาดจะช่วยลดอันตรายลงได้