ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




ประเพณีให้ทานไฟ

 

 

ประเพณีให้ทานไฟ

การให้ทานไฟ เป็นประเพณีต้นแบบเฉพาะของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนคร ศรีธรรมราช ที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ประเพณีการให้ทานไฟนี้ อาจจะไม่คุ้นหูหรือเป็นที่รู้จักของผู้ที่ไม่สันทัดกับประเพณีทางถิ่นใต้ อาจจะคิดว่าเป็นการให้ "ไฟ" เป็น ทาน หรือ ถวายไฟร้อน ๆ แก่พระภิกษุสงฆ์ เคยมีผู้เข้าใจว่า "ถวายถ่านไฟ" เพราะภาษาถิ่นใต้ ออกสำเนียง "ทาน" เป็น "ถ่าน" จึงเข้าใจไปอย่างนั้น การให้ทานไฟนี้ เป็นการถวายอาหารร้อน ๆ แก่พระภิกษุสามเณรในฤดูหนาวหรือในช่วงอากาศเย็นของชาวนครศรีธรรมราช ประเพณีนี้เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่มีความเชื่อในพระพุทธศาสนา ต้องการทำบุญกับพระภิกษุสามเณร โดยการถวายอาหารบิณฑบาตภายในวัด เพราะเมื่ออากาศหนาวเย็น พระภิกษุสามเณรไม่สะดวกที่จะออกไปบิณฑบาตนอกวัด จึงกลายเป็นประเพณีให้ทานไฟในปัจจุบัน

การให้ทานไฟ หมายถึง การถวายความอบอุ่นแก่พระภิกษุสงฆ์ด้วยไฟในฤดูหนาว ซึ่ง เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่มีมาแต่สมัยพุทธกาล และนิยมทำกันจนกลายเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดนครศรีธรรมราชการให้ทานไฟ คือ การก่อกองไฟให้เกิดความอบอุ่นแก่พระสงฆ์ในฤดูหนาวและให้พระสงฆ์ได้ฉันอาหารร้อน ๆ ไปพร้อมกันด้วย การให้ทานไฟ เป็นการทำบุญเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์เกิดความอบอุ่นในตอนเช้ามืดของคืน ที่มีอากาศหนาวเย็น โดยใช้ลานวัดเป็นที่ก่อไฟแล้วทำขนมถวายพระ กล่าวโดยสรุป การให้ทานไฟ เป็นประเพณีเฉพาะถิ่นของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาก่อไฟให้ความอบอุ่นและปรุงอาหารร้อน ๆ ถวายแก่พระภิกษุสามเณรตอนเช้ามืดที่อากาศหนาวเย็นจนกลายเป็นประเพณีสืบต่อกันมา

ประวัติความเป็นมาของประเพณีการให้ทานไฟนี้ สันนิษฐานว่า มีเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมีความเห็นเป็น 2 นัย ดังนี้

  • นัยที่ 1 เรื่องโกสิยเศรษฐีผู้มีความตระหนี่ มีเรื่องเล่าว่า ในเมืองราชคฤห์ มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ "โกสิยะ" มีทรัพย์สิน 80 โกฏิ แต่เป็นคนตระหนี่ ไม่ให้ทาน ไม่บริจาค ไม่อำนวยประโยชน์แก่ผู้ใดเลย แม้แต่ภรรยาและบุตรของตน ต่อมา เศรษฐีต้องการกินขนมเบื้อง (ขนมกุมมาส) จึงให้ภรรยาไปแอบทำขนมบนปราสาท เพราะเกรงว่าผู้อื่นจะรู้เห็นแล้วจะมาขอแบ่งขนมกินด้วย ความนี้ ได้ทราบถึงพระพุทธเจ้า เพื่อจะโปรดเศรษฐีให้มีใจน้อมไปในการบริจาคทานจึงได้มอบหมายพระโมคคัลลานเถระ อัครสาวกเบื้องซ้ายไปโปรดโกสิยเศรษฐีผู้มีความตระหนี่คนนี้ เมื่อพระเถระรับพุทธบัญชาแล้วก็ไปแสดงอิทธิฤทธิ์ทรมานเศรษฐีด้วยวิธีการต่าง ๆ จนเศรษฐีคลายความพยศ ได้ถวายขนมเบื้องแก่พระเถระ เพราะกลัวไฟจะไหม้ปราสาทของตนด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระเถระ เมื่อเศรษฐีถวายขนมเบื้องแล้ว พระเถระได้แสดงพระธรรมโดยพรรณนาคุณพระรัตนตรัย และแสดงอานิสงส์การให้ทาน จนเศรษฐีมีจิตเลื่อมใส ได้นำขนมเบื้องและวัตถุทานอื่น ๆ มาถวายแก่พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุ 500 รูป ณ วัดเชตวันมหาวิหาร ด้วยพุทธานุภาพขนมเบื้องที่เศรษฐีนำมาถวายพระ มีเหลือมากมาย แม้จะแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน คนยากจนขอทาน ขนมก็ยังล้นเหลือ จนถึงกับนำไปเททิ้ง ที่ใกล้ซุ้มประตูวัดเชตวัน ปัจจุบันสถานที่เทขนมเบื้องทั้งนั้น เรียกว่า เงื้อมขนมเบื้อง กาลต่อมา โกสิยเศรษฐี กลายเป็นเศรษฐีใจบุญชอบให้ทาน และ ได้บริจาคทรัพย์จำนวนมากเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยมูลเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของ ประเพณีการให้ทานไฟในปัจจุบัน
      
  • นัยที่ 2 นายเจริญ ตันมหาพรหม ได้ให้ทัศนะความเป็นมาของประเพณีการให้ทานไฟไว้ว่า การให้ทานไฟนี้ ปรากฏอยู่ในครั้งพุทธกาล ณ เมืองสาวัตถี นครหลวงแห่งแคว้นโกศล ที่ปกครองโดยพระเจ้าปเสนทิโกศล ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เป็นพุทธมามกะ และเป็นศาสนูปถัมภก อีกทั้ง เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับจำพรรษามากที่สุด คือรวมทั้งหมด 25 พรรษา ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับอยู่บนปราสาทชั้นบนทอดพระเนตรไปทางถนนในพระนคร เห็นพระภิกษุจำนวนนับร้อยนับพันไปยังบ้านของท่านอนาถปัณฑิกเศรษฐีบ้าง บ้านของนางวิสาขาบ้าง และบ้านของคนอื่นๆ บ้าง เพื่อรับบิณฑบาตบ้าง เพื่อฉันภัตตาหารบ้าง พอเห็นดังนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงโปรดฯ ให้จัดภัตตาหารอันประณีตเพื่อพระภิกษุประมาณ 500 รูป แต่ปรากฏว่าไม่มีพระมารับสักรูป คงมีแต่พระอานนท์เพียงรูปเดียวเท่านั้น พอพระอานนท์กลับไปแล้ว จึงตรัสถามมหาดเล็ก ได้รับคำกราบบังคมทูลว่าไม่มีพระมาคงมีแต่พระอานนท์รูปเดียว เท่านั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกริ้วภิกษุทั้งหลาย จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลว่า ได้ให้ห้องเครื่องจัดภัตตาหาร ตั้งไว้ถวายพระประมาณ 500 รูป ไม่ปรากฏมีพระมารับกันเลย ของที่จัดไว้เหลือเดนอยู่อย่างนั้น เหตุใดพระภิกษุไม่เห็นความสำคัญในพระราชวังเลย นี่เรื่องอะไรกันพระพุทธเจ้าได้ทรงฟังพระดำรัสดังนั้นก็เข้าพระทัยตลอด ไม่ตรัสตำหนิโทษพระภิกษุทั้งหลาย และถวายพระพรว่า "สาวกของอาตมภาพไม่มีความคุ้นเคยกับมหาบพิตร เพราะเหตุที่ไม่มีความคุ้นเคย นั่นเองจึงไม่พากันไป" ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ทรงประกาศเหตุที่ภิกษุไม่ควรเข้าไปในตระกูลประกอบด้วยองค์ 9 คือ

    1. ไม่ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
    2. ไม่ไหว้ด้วยความเต็มใจ
    3. ไม่ให้อาสนะ (นิมนต์นั่ง) ด้วยความเต็มใจ
    4. ซ่อนเร้นของที่มีอยู่
    5. ของที่มีมากแบ่งให้นิดหน่อย
    6. มีของประณีต แต่ให้ของเศร้าหมอง
    7. ให้โดยไม่เคารพ ไม่ให้โดยเคารพ
    8. ไม่นั่งฟังธรรม
    9. ไม่สนใจต่อถ้อยคำของกันและกัน

องค์ประกอบที่กล่าวมาทั้ง 9 ประการนี้ ถ้าภิกษุยังไม่เข้าไป ก็ไม่ควรเข้าไป เข้าไปแล้ว ก็ไม่ควรนั่งใกล้ เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงครุ่นคิดอยู่ว่าพระพุทธองค์ตรัสแต่ว่า สาวกของพระองค์ไม่มีความคุ้นเคยในราชสำนัก ทรงดำริต่อไปว่า ถ้าภิกษุสามเณรมีความคุ้นเคย ในราชสำนักแล้ว ก็คงจะพากันเข้ามาวันละมากๆ รูป เหมือนพากันไปในบ้านของนางวิสาขาและ บ้านของอนาถปัณฑิกเศรษฐี ทรงคิดอยู่ว่า "ทำอย่างไรพระเณรจะมีความคุ้นเคยกับเราได้" พระองค์ทรงพิจารณาถึงสภาพในฤดูหนาวในเมืองสาวัตถี พระภิกษุสามเณรคงหนาว เย็นกว่าฆราวาสผู้อยู่ครองเรือนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามออกบิณบาตในตอนเช้าตรู้ ความหนาว เย็นคงเป็นอุปสรรคมาก เพราะพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์เพียง 3 ผืน

นอกจากนี้ ยังทำให้พระภิกษุที่ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา อยู่ตามวัดและสถานที่ต่าง ๆ บางรูปร่างกาย อ่อนแอถึงกับอาพาธได้ พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเกิดความเวทนาและก่อไฟถวายพระให้ได้ผิงในยาม ใกล้รุ่ง ต่อมา ชาวเมืองเห็นว่า การให้ทานไฟในตอนใกล้รุ่ง อีกไม่นานฟ้าก็จะสว่าง จึงได้ เสาะหาหัวเผือก หัวมันมาเผา และนำแป้งมาปรุงเป็นภัตตาหารถวายพระภิกษุสามเณร เป็นการ ทำบุญจะได้อานิสงส์มากขึ้น เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ?มาทางภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเพณีให้ทานไฟพลอยตกทอดมาถึงพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราชด้วย ถึงแม้ความเห็นทั้ง 2 นัยนี้ จะไม่กล่าวถึงการให้ทานไฟโดยตรง แต่ก็มีเค้ามูลหรือสาเหตุ

ให้สันนิษฐานได้ว่า ประเพณีการให้ทานไฟมีประวัติความเป็นมาดังที่กล่าวมาแล้ว แท้จริงการ ให้ทานในทางพระพุทธศาสนา มีเรื่องราวที่น่าสนใจและมีสาระธรรมจำนวนมากที่พุทธบริษัทจะนำ มาศึกษาเทียบเคียง เพื่อเสาะหาต้นตอหรือสาเหตุของประเพณีต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน

ประเพณีการให้ทานไฟด้วยการถวายขนมเบื้องในฤดูหนาวแก่พระภิกษุสงฆ์นี้ พระมหา กษัตริย์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ทรงถือเป็นพระราชประเพณี ที่จะต้องทรงบำเพ็ญทานบารมีเป็นประจำทุกปี มีหลักฐานปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชพิธี สิบสองเดือนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า ".....กำหนดเลี้ยงขนมเบื้องนี้ว่า เมื่อพระอาทิตย์ออกสุดทางให้ตกนิจเป็นวันหยุดจะกลับ ขึ้นเหนืออยู่ในองศา 9 องศา 9 ราศีธนู เป็นกำหนดเลี้ยงขนมเบื้องไม่กำหนดแน่ว่า กี่ค่ำ วันใด การเลี้ยงขนมเบื้องนี้ ไม่ได้มีการสวดมนต์ก่อนอย่างพระราชพิธีอันใด กำหนดพระสงฆ์ตั้งแต่เจ้า พระราชาคณะ 80 รูป ฉันในพระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย ขนมเบื้องนั้น เกณฑ์พระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายใน ท้าวนางเจ้าจอมมารดา เถ้าแก่ พนักงานคาดปะรำตั้งเตาละเลงข้างท้องพระโรง" เวลา และสถานที่ให้ทานไฟ

ประเพณีการให้ทานไฟ นิยมประกอบพิธีกันในเดือนอ้าย หรือ เดือนยี่ของทุก ๆ ปี (ประมาณปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์) ซึ่งเป็นช่วงหรือฤดูที่อากาศหนาวเย็นใน ภาคใต้ ปัจจุบันนิยมทำกันในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เพราะตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ทาง สถานศึกษาได้นำเด็ก ครู และผู้ปกครองมาประกอบพิธีให้ทานไฟในบริเวณวัดที่ใกล้โรงเรียน นับ เป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรของเด็กที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วย ทั้งนี้ จะเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อการนี้ตั้งแต่ตอนรุ่งหรือเช้าตรู่ประมาณเวลา 05.00 น. แต่โดยทั่วไปก็ไม่ได้กำหนดวันที่ แน่นอน สุดแต่ความสะดวกของชาวบ้านหรือโรงเรียนในละแวกวัดจะกำหนดขึ้นเอง สำหรับสถานที่ประกอบพิธีหรือการถวายไฟนั้น จะกระทำกันในบริเวณวัดหรือใน ศาลาวัดก็ได้ ในปัจจุบัน ประเพณีการให้ทานไฟนี้จะทำกันเฉพาะบางวัดในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น เช่น วัดหัวอิฐ วัดมุมป้อม วัดศรีทวี วัดสระเรียง วัดหน้าพระบรมธาตุ วัดธาราวดี หรือบางจังหวัดที่ผู้คนชาวนครศรีธรรมราชไปอาศัยอยู่ เช่น จังหวัดพังงา จังหวัด สุราษฎร์ธานี ก็มีประเพณีการให้ทานไฟเช่นเดียวกัน แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก นอกจากนี้ สถาบัน การศึกษาบางสถาบัน ได้ประกอบพิธีการให้ทานไฟภายในสถาบันของตน เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี

จะสังเกตได้ว่า ประเพณีการให้ทานไฟนอกจากจะประกอบพิธีภายในวัดแล้ว ยังได้ขยาย ฐานประเพณีไปยังสถานศึกษาที่แสดงบทบาทในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วย แต่ถ้าจะมอง กันอีกมุมหนึ่งจะเห็นได้ว่า วัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนเป็นสถานที่บำเพ็ญบุญกุศล หรือเป็น บุญเขตไม่อาจตอบสนองบทบาทตามฐานะของตนได้ เพราะในปัจจุบันเหลือวัดจำนวนน้อยมาก ที่จะอนุรักษ์หรือสืบสานประเพณีการให้ทานไฟนี้ไว้ได้ พิธีกรรม

ในตอนรุ่งหรือเช้าตรู่ในวันนัดหมายที่จะให้ทานไฟ ชาวบ้านพุทธศาสนิกชนในละแวก นั้นจะพร้อมใจมากันที่วัด โดยจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ เช่น ถ่าน ไม้ฟืน เตาไฟ พร้อมด้วยเครื่อง ปรุงอาหารหรือเครื่องทำขนมไปด้วย เมื่อถึงบริเวณวัดก็ช่วยกันก่อกองไฟและปรุงอาหารทำขนม กันทันที กองไฟจะก่อกี่กองก็ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของพระภิกษุสามเณรภายในวัดหรือที่นิมนต์มา จากวัดอื่น เมื่อก่อกองไฟเสร็จแล้วก็นิมนต์พระมาผิงไฟ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น อาหารและขนมที่ ปรุงสุกแล้วยังร้อน ๆ อยู่ ก็ถวายประเคนพระภิกษุสามเณรให้ฉันได้ทันที ไม่ต้องเจริญพระพุทธ มนต์ หรือกล่าวคำถวายสังฆทานเหมือนกับพิธีทำบุญในโอกาสอื่น ขณะที่ทำขนมกันไปพระสงฆ์ ก็ฉันไปพร้อม ๆ กัน จะหยุดปรุงขนมก็ต่อเมื่อเครื่องปรุงที่เตรียมมาหมด ขณะเดียวกัน ชาวบ้าน จะจัดเตรียมถุงหรือภาชนะเพื่อให้พระภิกษุสามเณรบรรจุอาหารนำไปฉันในตอนเพล เพราะตอน เช้าไม่ได้ออกรับบิณฑบาตตามปกติเหมือนทุกวัน เมื่อฉันเสร็จแล้ว อาจจะอาราธนาให้ประธาน สงฆ์หรือพระเณรที่ประธานมอบหมายกล่าวสัมโมทนียกถาก็ได้ เสร็จแล้วประธานสงฆ์จะให้พร อุบาสกอุบาสิกากรวดน้ำรับพร พระสงฆ์กลับวัดไปปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ต่อไป ส่วนชาวบ้านที่ มาร่วมในพิธีก็จะรับประทานอาหารและขนมที่เหลือ และช่วยกันทำความสะอาดขนของกลับบ้าน เป็นอันเสร็จพิธีประเพณีการให้ทานไฟ อาหารและขนมในพิธี

อาหารที่จะถวายพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารที่ปรุงง่ายเป็นอาหารพื้นบ้าน ที่ยังรอนอยู่ เช่น ข้าวต้ม ข้าวผัด ข้าวหมกไก่ ข้าวยำ ข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวเหนียวหลาม หมี่ผัด หรือ เป็นอาหารอื่น ๆ ก็ได้ที่สมควรแก่สมณบริโภค ในปัจจุบัน จะมีอาหารเช้าประเภทอาหารฝรั่ง เช่น หมูแฮม ไข่ดาว แซนด์วิช ไส้กรอก ลูกชิ้น ไก่ทอด หรือเป็นอาหารทางภาคอีสานก็มี เช่น ส้มตำ ลาบ ส่วนขนมก็จะเป็นขนมทางถิ่นใต้ ขนมพื้นบ้านอะไรก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมขนมที่ สามารถปรุงเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ขนมส่วนมากจะปรุงโดยใช้ไฟแรง เช่น ขนมเบื้อง ขนมครก ขนมโค ขนมพิมพ์ ขนมจาก ขนมจู้จุน มีความเชื่อกันว่า ขนมเบื้องของโกสิยเศรษฐี ที่ทำถวาย แก่พระสงฆ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร สืบทอดมาเป็น "ขนมกรอก" ที่ชาวพุทธเมืองนครศรีธรรมราช ทำถวายพระสงฆ์ในประเพณีให้ทานไฟ ขนมกรอกมีส่วนผสมและวิธีทำง่าย ๆ คือ ใช้ข้าวสารเจ้าแช่น้ำ กรอกบดด้วยหินเครื่องโม่ที่ชาวนครศรีธรรมราช เรียกว่า "หินบด" หรือ "ครกบด" โดย บดอย่าให้ข้นหรือเหลวจนเกินไป แล้วคั้นกะทิติดไฟเคี่ยวให้แตกมันผสมลงไปในแป้งพร้อมน้ำตาล พอให้ออกรสหวาน ตอกไข่ใส่ตามส่วน ซอยหอมให้ละเอียดโรยแล้วตีไข่ให้เข้ากัน ต่อจากนั้นก็เอา กะทิตั้งไฟให้ร้อน ใช้น้ำมันพืชผสมไข่แดงเช็ดทากระทะให้เป็นมันลื่น เพื่อไม่ให้แป้งติดผิวกระทะ เมื่อหยอดแป้งละเลงให้เป็นแผ่น ต้องระวังไม่ให้แผ่นขนมกรอกบางเหมือนขนมเบื้องทั่วไป เพราะ จะไม่นุ่มและขาดรสชาติ พอสุกก็ตลบพับตักรับประทานทั้งร้อน ๆ ปัจจุบันขนมกรอกดังกล่าวนี้ ไม่นิยมทำกัน แต่นิยมทำขนมพื้นเมืองอื่น ๆ เช่น ขนมครก ขนมผักบัว (เรียกตามภาษาพื้นเมือง ว่า ขนมจู้จุน)

นอกจากนี้ ดิเรก พรตตะเสน ได้ให้ข้อสังเกตว่า การทำขนมกรอก นอกจากอินเดีย ลังกาเจ้าตำรับเดิมแล้ว ในประเทศไทยยังเอาข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วปั้นเป็นก้อนขนาดผลมะตูม ใช้ น้ำตาลปึกเป็นไส้ในเสียมไม้คลุกไข่ แล้วย่างไฟจนสุกกรอบแล้วถึงถวายพระ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันขนมและอาหารในประเพณีให้ทานไฟเพิ่มขึ้นจำนวนมากมาย ตามความสะดวกและศรัทธาของชาวบ้าน มีทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารประจำภาคต่าง ๆ ในประเทศ ไทย และอาหารฝรั่ง พร้อมทั้งผลไม้และเครื่องดื่ม เช่น น้ำเต้าหู้ กาแฟ น้ำชา เป็นจำนวนมาก

ประเพณีการให้ทานไฟของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช มีสาระประโยชน์ที่มี คุณค่าแก่ปัจเจกชนและสังคมโดยส่วนรวม ดังนี้

  1. ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านมาพบกัน พูดคุยกัน และร่วมมือกันประกอบพิธีกรรมภาย ในวัด พร้อมกันนี้ชาวบ้านกับพระสงฆ์ได้วิสาสะสร้างความคุ้นเคยตามหลักสาราณียธรรม โดย อาศัยประเพณีการให้ทานไฟนี้
  2. พุทธศาสนิกชนได้ปรารภความเพียร มีความขยัน โดยการตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อ เตรียมอุปกรณ์ปรุงอาหารขนมถวายพระ ทำให้มีสุขภาพพลานามัยดี แข็งแรง เพราะการตื่นนอน ตอนเช้าตรู่ ได้รับอากาศบริสุทธิ์ ทำให้มีความสดชื่นเบิกบาน แจ่มใส
  3. เป็นโอกาสหนึ่งที่ได้นัดหมายพร้อมกันในตอนเช้ามืด เพื่อร่วมทำบุญเลี้ยงพระ รับประทานอาหารพร้อมกัน เป็นการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ และสร้างความเป็น ปึกแผ่นให้เกิดขึ้นในสังคม

     

  4. ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยการถวายความอุปถัมภ์ให้กำลังแก่พระภิกษุสามเณร ซึ่งเป็นผู้รักษาสืบอายุพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองวัฒนาสืบไป
  5. ได้บำเพ็ญบุญบารมี ด้วยการถวายทานเป็นการสั่งสมความสุขและความดีไว้กับตน อันเป็นเกาะคือที่พึ่งในปรโลกเบื้องหน้า ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
  6. ได้อนุรักษ์และสืบสานประเพณีการให้ทานไฟ เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมของ พุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราชให้เป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลัง ต่อไป
  7. ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล โดย อาศัยประเพณีนี้ย่อมทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ และคุณค่าทางสังคมมากมาย

ประเพณีการให้ทานไฟ เป็นประเพณีที่แสดงออกถึงความเชื่อ ความเลื่อมใสใน พระรัตนตรัยของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ที่มีความปรารถนาให้พระภิกษุสามเณรคลาย หนาวโดยการถวายอาหารร้อน ๆ ซึ่งคล้ายกับพระราชพิธีเลี้ยงพระภิกษุสงฆ์ด้วยขนมเบื้อง แต่ การให้ทานไฟ เป็นพิธีของชาวบ้าน และทำกันเฉพาะถิ่นของชาวนครศรีธรรมราช คล้าย ๆ กับ ประเพณีบุญข้าวจี่ (ข้าวเหนียวปิ้ง) ทางภาคอีสาน ในปัจจุบัน มีจำนวนน้อยวัดที่ยังอนุรักษ์และ สืบสานประเพณีนี้อยู่

 

 

 





“สงคราม ๙ ทัพ” ชี้ชะตาประเทศ ทหารไทยกลัวถูกลงครกโขลก พม่าหิวจนไม่มีแรงเดินกลับ
ประวัติ ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ
น้ำตกปิตุ๊โกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
กลุ่มอนุรักษ์ฯ จ.ประจวบฯ ค้านถอนทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำ-หวั่นเปิดช่องอุตสาหกรรมเหล็ก
ตำนานลานประหารดั้งเดิมในประเทศไทย
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
’ร้อยเอ็ด’ลุยปฏิรูปการศึกษาเร่งกระจายอำนาจถึงโรงเรียน
ปิด‘พะเนินทุ่ง-แก่งกระจาน’ให้ธรรมชาติฟื้นตัว ล่องเรือแม่น้ำเพชร-ชมเขื่อนยังเปิดให้เที่ยวได้
กฟภ.สานต่อโรดแมปขยะ สร้างนวัตกรรมถังคัดแยกขยะ
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
พระนางเรือล่ม พระนางผู้เป็นที่รักยิ่งของพระพุทธเจ้าหลวง
การส่งเสริมการอ่าน
ผลวิจัยชี้ จบเกียรตินิยม ไม่ช่วยให้ทำงานเก่ง ดนตรี กีฬาสำคัญกว่า
เที่ยว 3 ภูเมืองเลย สัมผัสอัศจรรย์บนยอดภู
วันสถาปนา กรุงเทพมหานคร
อาสาฬหบูชานี้ เที่ยวเมืองโบราณฟรี
แนะนำวิธีเรียนเก่ง article
เด็กไทยสุดเจ๋งติดอันดับ2 แข่งคณิตศาสตร์โลก2015
เที่ยวง่ายๆ ธรรมชาติภูเขาน้ำตกที่ เขื่อนภูมิพล
เล่าเรื่องที่มาของสิงห์หน้าพระธาตุอันเป็นเอกลักษณ์ของดินแดนล้านนา....
ปัญหาการจัดการศึกษาของไทย
ฟังเพลงสากลฮิต 24 ชม article
เพลงลูกทุ่ง article
ฟังเพลงสติง (ฮิต) 24ชม. article
ชวนเที่ยวเมืองเลย กับงานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน
สมศ.เผยผลประเมินการศึกษาไทย 5 ปีล่าสุดไร้คุณภาพ เหตุครูไม่พอ-คุณภาพต่ำ
ให้ไว...ซากูระเมืองไทยบานถึงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ประทับใจดอกนางพญาเสือโคร่ง “ภูลมโล” article
มรดกโลก 5 แหล่งของไทย article
อเมริกาส่งคืนโบราณวัตถุยุคบ้านเชียงกว่า 500 ชิ้นให้ไทย article
งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว 2557 article
เด็กไทยคว้าเหรียญทอง
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดกาญจนบุรี
การศึกษาในประเทศไทย
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี article
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา article
แหล่งมรดกโลกในไทย article
ตัดนาฏศิลป์จากหลักสูตร ฟังไม่ได้ศัพท์ฯ
"โครงการศึกษาและพัฒนาคุณภาพ/รูปแบบผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดกาญจนบุรี"
สินค้า OTOP GO INTER ภาคตะวันตก
เวทีเสวนา อป.มช. จังหวัดกาญจนบุรีร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมเยาวชน”
แถลงข่่าว จัดงานกินกุ้งแม่น้ำแม่กลอง 4-5 พ.ค.56
สนง.ขนส่งกจ. เปิดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถ หมวดอักษร กต จังหวัดกาญจนบุรี
หนุ่มหล่อกะซวกดับตีปากฉีก! เหตุ'ชู้สาว'
จุฬาฯเวนคืน"21ไร่" อุเทนถวายยื่นทบทวน
วันนักข่าว ชมรมนักข่าว จ.สมุทรสงคราม
คดี ปรส.หมดอายุความ ปี 2556 ทำชาติเสียหาย 8 แสนล้าน
ไอ้โม่งฟัน ผอ.โรงเรียนพยาบาลเจอยิงสวน
ยิงสวน10ไอ้โม่งบุกรร.พยาบาล ดับ1
โจรใต้ ไล่ยิงเมียตชด.ดับ
ปราจีน 2มือปืนบุกยิงเซียนพระเครื่องดับคาห้องเช่า
เทศบาลเมืองกาญจนบุรีจัดพิธียกช่อฟ้าศาลหลักเมือง
เวนคืน 2 ฝั่งแม่น้ำ ตำแหน่งเดิมทุกจุด 11 สะพานข้ามเจ้าพระยา
โจรใต้บึมร้านทองยะลา กวาด4แสน
เจ้าสำนักยันต์ หื่่น ชกท้องข่มขืนดญ. ม.2
รถตู้กรุงเทพ-กาญจน์ ซิ่งชน10ล้อดับ1
ดร.เสรี' เตือน ปชป.อย่าผยองกับชัยชนะต้องล้างภาพดีแต่พูด
รถคันแรกเริ่มเบี้ยวไฟแนนซ์-ผิดเงื่อนไขต้องคืนเงิน
นนทบุรี-โครงการคลายเครียดเพื่อสุขภาพ การกุศล
ครบรอบการก่อตั้งสมาคมนักหนังสือพิมพ์ปีที่ 42
มอบทุนการศึกษา บุตร-ธิดา สนพท.
กำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ส. 2556
90 ปี โรงเรียนวัดหวายเหนียว "ปุญสิริวิทยา"
งานพระธาตุนาดูน บึ้ม!กลางคอนเสิร์ต"โปงลางสะออน"เจ็บเพียบ!
"สุเทพ-มาร์ค"ทวงบุญคุณ"ช่อง3-สรยุทธ"
ผู้สมัครอิสระ เผาโลงประชดโพลชี้นำ
อภิสิทธิ์ ปัดสมรู้ผอ.เขต สวมสิทธิ์ชื่อผี
อภิสิทธิ์ แฉ พท.หวังขยายผลชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ นิรโทษ 'ทักษิณ'!
ดาบตำรวจปืนไว ดวลดับแว้น
6วัยรุ่นไล่ฆ่าปวช. แทงคว่ำ-ชิงจยย.
อ.นิติฯ ตบทอมคว่ำ แค่จอดรถขวางทาง
นักปั่นรอบโลก 2 ผัวเมีย ถูกรถชนตายในไทย
เปิดใจอดีตอาร์เคเค เข้าร่วม"ม.21"
นำร่องสร้าง60สภ. 27กพ.เคาะแจ้งพีซีซีฉ้อโกง
เอแบคแนะกกต.ร่วมมือตร.สกัดวิชามาร ระวังโพลเทียม
สรยุทธจี้ ก.ข.ร. หาตัวการสั่ง ห้ามทำธุรกรรมกับไร่ส้ม
ผบ.ทบลงใต้กำชับจนท.อย่าเผลอ
สตง.ลุยเชือดผู้บริหารเอี่ยวทุจริต อีสท์วอเตอร์ เปิดทาง
นครศรีธรรมราช คลิปเด็กสาวรุมตบเพื่อน ปมแย่งผู้ชาย
สั่งเก็บป้าย 'ชูวิทย์' แฉ ทุจริตโรงพัก ด่วน
พล.อ.เปรม อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพ พล.ต.สนั่น
ปัตตานีวอด คนร้ายป่วนไม่เลิก! วางระเบิดเผาห้างไดอาน่ามินิมาร์ท
ลดภาระ LPG ตรึงราคาถึงมีนาคม 2556
โอเน็ต ยกเลิกฟรี 24 คะแนนวิทย์
แทงอาจารย์จุฬา-มุ่งปมขัดแย้งนศ.
นราฯ - จนท.เค้น3ชายสอบโยงถล่มฐานบาเจาะ-ยึดกระบะ
รถแอลพีจีเกิดเหตุบ่อยจ่อเลิกจดทะเบียน หนุนใช้ก๊าซเอ็นจีวี
เอม ฟ้องแหลกแก๊งตำรวจนอกรีต
นราธิวาส-ปัตตานี เคอร์ฟิว24ชม.!
น.ศ.แก้ผ้าประท้วงค้านนำมหาลัยออกนอกระบบ
โจรทุบรถ 'นุ้ย สุจิรา' ไม่รอด พบก่อคดีมาโชกโชน
ภูเก็ต-จับเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อน
ครูมัธยม แยกพ้นสพฐ. ปัญหาเยอะ กระทบ"คุณภาพเด็ก"
จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว เส้นตาย 16 มี.ค.
มาครับชาบู ชาวเน็ตถาม พระฉันปิ้งย่าง กลางห้างได้?
ทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง สุเทพ เเจงไม่เกี่ยวข้อง
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายกาญจนบุรี - ชายแดนไทย/พม่า (บ้านพุน้ำร้อน)
คดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจตาย 5 เดือน ไม่คืบ
กำนันเป๊าะ หนี 7 ปี ติดคุก 30 ปี
ลำปาง - พายุลูกเห็บถล่มไฟดับทั้งตำบล



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน