หญ้าถอดปล้อง หญ้าหางม้า
[ Image : Mr. ZUP ] |
Division Equisetophyta > Class Equisetopsida > Sub-Class Equisetidae > Order EquisetalesOrder Equisetales > Family Equisetaceae
พืชในวงศ์ Equisetaceae นี้นี้มีชื่อสามัญว่า horsetails เป็นกลุ่มเฟินโบราณที่มีเมล็ด จากซากฟอสซิลทำให้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่า พืชในกลุ่มนี้มีมาแล้วตั้งแต่ 350 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ยุค Paleozoic ในสมัยนั้น พื้นผิวของโลก เต็มไปด้วยแม่น้ำลำธาร หนองบึง พื้นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมขังไปทั่ว ป่าโบราณในสมัยนั้น มีพืชในกลุ่มของ Spenophyta และยังไม่มีพืชมีดอกเหมือนในปัจจุบัน พวก Spenophyta นี้ มีลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 30 เมตร เกิดขึ้นตามพื้นดินหนองน้ำ ทั่วโลก จวบจนกระทั่งปัจจุบัน Spenophyta เหลืออยู่เพียงชนิดเดียวโดดๆ คือ Equisetum (ภาษาลาติน แปลว่า horse bristle ขนแข็งๆ ของม้า) หรือ Horsetails นี้นี่เอง มันได้ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดมาโดยตลอด จนเหลือความสูงไม่มากนัก แต่ก็ยังพบว่า บางชนิดในป่าเม๊กซิโก มีหญ้าหางม้าสูงได้ถึง 10 เมตรหลงเหลือให้เห็นอยู่
พืชกลุ่มนี้ เป็นไม้ล้มลุก มีทั้งที่เป็นล้มลุกอายุปีเดียวและอายุหลายปี ลักษณะทั่วไปของพืชจำพวกนี้ เป็นไม้ดิน ที่ขึ้นอยู่ตามหนองน้ำตื้นๆ มีเหง้าอยู่ในดิน แตกกิ่งสาขาอย่างอิสระ มีรากฝอยตลอดความยาวเหง้า ในบางชนิดสามารถงอกเป้นต้นไหม่จากรากได้หากรากถูกตัดขาด ที่เหง้ามีลำต้นงอกออกมาเป็นช่วงๆ ชูขึ้นเหนือดิน โผล่พ้นน้ำ ลำต้นเป็นแท่ง สีเขียวเข้ม มีข้อปล้องเห็นได้ชัดเจน ภายในลำต้นกลวง ยกเว้นช่วงที่เป็นข้อที่ตัน ใบอยู่ตามข้อปล้อง ใบมีลักษณะเหมือนเกล็ดเล็กๆ เรียงรอบข้อ ตามข้อสามารถแตกเป็นกิ่งได้ 2-3 ครั้ง
การขยายพันธุ์ในธรรมชาติเหมือนเฟินทั่วไปคือ สปอร์ ซึ่งสร้างขึ้นใน sporagia ซึ่งจะเกิดในส่วนที่เรียกว่า cone หรือ strobilus อยู่ที่ปลายสุดของลำต้น
|
วงศ์นี้มีเพียงสกุลเดียว คือ Equisetum ค้นพบราว 30ชนิด เจริญอยู่ในที่มีน้ำขังแฉะ หรือที่ลุ่มในเขตอบอุ่น ในไทยพบ 2 ชนิด
Equisetum debile
|
Equisetum debile Rixb. ex Vauch
ชื่อสามัญ : Horsetail
ชื่ออื่น : หญ้าถอดปล้อง หญ้าเงือก หญ้าหางม้า หญ้าหูหนวก (เหนือ) หญ้าสองปล้อง เครือเซาะปอยวา แยปอ (กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ลำต้นตั้งตรง เห็นข้อปล้องชัดเจน มีขนาด 1-5 มม. สูง 0.3-1.0 ม. ภายในกลวง ผิวด้านนอกเป็นร่องตามยาว สีเขียวเข้ม ข้อมีกาบหุ้มเล็กๆ เป็นหยัก คล้ายฟันปลา สีเขียวอมเหลือง ซึ่งก็คือใบนั้นเอง ตามข้อสามารถแตกกิ่งก้านช่วงใกล้ปลายของต้น
กระจายพันธุ์ในอินเดีย จียตอนใต้ อินโดจีน ไต้หวัน มาเลเซีย โพลินีเซีย และไทย
ในไทยพบขึ้นตามริมธารในป่าดงดิบชื้น พบมากทางภาคเหนือ รวมทั้งบริเวณที่มีอากาศค่อนข้างเย็นในจังหวัดชัยภูมิ จันทบุรี ตราด และกาญจนบุรี
หญ้าถอดปล้องต้นนี้ พบโดยบังเอิญที่ร้านต้นไม้ เจ้าของของไม่รู้ต้นอะไร แต่ไม่ขาย ก็เลยได้แค่ภาพเอามาฝากให้เพื่อนชมกัน
หญ้าถอดปล้อง ในตำรายาพื้นบ้าน ใช้ต้น 1 กำมือ ต้มดื่มต่างน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ ผสมกับกิ่งและใบหญ้าหนวดแมว ต้นน้ำดื่ม รักษาโรคนิ่ว ขับระดูขาว บำรุงไต
|
Equisetum diffusum D. Dom
เป็นอีกชนิดในวงศ์นี้ที่พบในไทย พบที่จังหวัดน่าน ในบริเวณป่าดิบชื้น ริมลำะารน้ำ ที่ความสูงมากกว่า 600 m. MSL ซึ่งสำรวจพบในไทยเมื่อปี 2540 นี้เอง
ภาพหญ้าถอดปล้อง จากเพื่อนของพวกเราส่งมาให้ดูด้วยกัน
[ Image : Mr. Kane ] |
[ Image : Mr. ZUP] |
สภาพแวดล้อมที่หนู Ne-o พบหญ้าถอดปล้อง
กอหญ้าถอดปล้อง หนู Ne-o เก็บภาพมาฝาก
|
การปลูกหญ้าหางม้า เป็นไม้ประดับในสวนได้สวยงาม ต้องมีน้ำมากเพียงพอ โดยอาจปลูกในบ่อน้ำ หรือในอ่างน้ำ ที่มีน้ำขังมากกว่า 6 นิ้ว ขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด ชอบแสงแดดเต็มวัน หากปลูกในสภาพที่เหมาะสม อาจกลายเป็นวัชพืชที่ต้องคอยกำจัด ดังนั้น การปลูกในสวน แนะนำให้ปลูกลงในอ่างหรือบ่อปูนฝังดิน การขยายพันธุ์เพื่อนำไปลูกใหม่ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการผ่ากอแบ่ง
คนในยุโรปเขารู้จักหญ้าหางม้าเป็นอย่างดี เพราะนำมาใช้ประโยชน์เป็นฝอยขัดหม้อ หรือขัดเงาไม้ โดยในเซลล์ของต้นหญ้าหางม้าจะมี silica เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ หญ้าหางม้าเป็นวัชพืชอันตรายต่อปศุสัตว์ เนื่องจากเป็นพืชที่มีพิษ แต่ก็มีประโยชน์สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมทำยาได้ ในทางการแพทย์แผนโบราณของ ชาวอเมริกาและชาวรัสเซียนำมาใช้สำหรับ stop bredding และไม่นานมานี้ยังพบว่า มีผลออกฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างอ่อนอีกด้วย จึงนำมาผสมกับยาสำหรับผู้ป่วยที่ไตมีอาการผิดปกติ มีรายงานพบว่า สารประกอบในหญ้าหางม้าสามารถเป็นพิษได้ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป เคยมีรายงานว่า เป็นอันตรายกับเด็กที่นำมาเล่นเป็นหลอดดูดน้ำ ส่วนที่อินเดีย หมอแผนโบราณนำมาใช้เป็นสมุนไพรแก้โรคบิด และช่วยเจริญอาหาร
หญ้าหางม้าสามารถดูดซับแร่ธาตุโลหะหนักได้ปริมาณสูงจากดินที่มันเจริญเติบ เช่น เซเรเเนี่ยม, ทอง และปรอท ซึ่งพบมากในส่วนของลำต้นที่นำมาวิเคราะห์ ซึ่งโลหะทองคำอาจนำมาใช้ในการรักษาผู้ช่วยไขข้ออักเสบ เซเรเนี่ยมทำให้เกิดการแท้งในสตรีมีครรถ์ และปรอทเป็นสารพิษที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดูดซับโลหะหนักได้ในปริมาณสูงนี้เอง อาจนำมาใช้ปลูกเพื่อดูดซับสารพิษออกจากกินได้
ประโยชน์อย่างอื่นยังมีอีก เช่น สามารถตัดลำต้นมาใช้ประดับจัดแจกันตั้งโต๊ะ หรือกำช่อดอกไม้ หรือนำมาทำเครื่องถักงานหัตถกรรมได้อีกด้วย
|