ปชป. ขู่ตั้งเวทีรู้ทันเล่ห์รัฐ หวังปลุกประชาชนตาสว่าง
วันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555 เวลา 11:53 น.
ปชป. ขู่ตั้งเวทีชนเวทีสานเสวนา หวังปลุกประชาชนตาสว่าง รู้ทันเล่ห์รัฐ วางเกมดันประชามติ ปูทาง นิรโทษ – คืนทรัพย์สิน “แม้ว”
วันนี้(25 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลเดินหน้าทำประชามติ ก่อนโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะรณรงค์ทำประชามติเพื่อให้การทำประชามติเป็นเรื่องหมูๆ อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ โดยเชื่อว่า รัฐบาลจะทุ่มเททุกอย่างทั้งการใช้วิชามาร และเล่ห์เพทุบาย เพื่อดันประชามติให้ผ่านไปให้ได้หรือไม่ เพื่อให้คนมาใช้สิทธิเกิน 24ล้านเสียงหรือเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ คงเตรียมแผนไว้แล้วในการดึงประชาชนภาคต่างๆ กลุ่มไหนบ้าง เข้ามาร่วมลงประชามติ โดยใช้ทั้งวิธีการจูงใจ ข่มขู่ เคี่ยวเข็ญ หลอกลวงให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะการทำประชามติครั้งนี้ เป้าหมายไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือสาระของรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องของตัวเลขที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ เพื่อล้มรัฐธรรมนูญ เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิด และได้ทรัพย์สินคืน
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินกระบวนการทำประชามติใน 5 ข้อ คือ
1. ระบุช่วงเวลาให้ชัดว่าจะทำประชามติในช่วงใด
2.เวทีสานเสวนาที่มอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ ควรกำหนดรูปแบบสาระให้ชัดเจน
3.การคัดเลือกประชาชนเข้าร่วมโครงการ รัฐบาลต้องไม่กำหนดเองแต่ควรมี กระบวนการคัดเลือกอื่นๆ และเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างได้เข้าร่วมด้วย
4.รัฐบาลต้องยืนยันให้ชัดว่า จะล้มมาตรา 309 หรือไม่ และขอให้อธิบายกับประชาชนว่า คดีที่มีการตัดสินโดยคตส. รัฐบาลจะให้คดีเหล่านั้นเป็นโมฆะหรือไม่ 5.ขอให้แสดงรายละเอียดในสิ่งที่รัฐบาลบอกว่า เป็นกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย และประชาชนจะได้ประโยชน์ จากการล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และประชาชนจะแน่ใจได้อย่างไรว่า รัฐธรรมนูญที่กำลังจะเขียนขึ้นมาใหม่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
“ผมคิดว่ารัฐบาลคงตอบได้ยาก เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการล้มมาตรา 309 เท่านั้น ดังนั้นหากรัฐบาลเดินหน้าทำประชามติ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะจัดเวทีในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ความรู้กับประชาชนว่า สิ่งที่รัฐบาลอ้างไม่เป็นความจริง ไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย แต่เป็นความพยายามลบความผิด ล้างโทษ และออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อล้างผิดให้ตัวเอง และจะให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการไม่ใช้สิทธิออกเสียงประชามติว่า กฎหมายประชามติเปิดให้ผู้ไม่เห็นด้วย แสดงออกได้ 2 ทาง คือ 1.ออกไปใช้สิทธิ ออกเสียงไม่เห็นด้วย และ2.ไม่ออกไปใช้สิทธิ ซึ่งหากมีผู้ใช้สิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงจะทำให้การทำประชามติเป็นโมฆะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะแสดงความรับผิดชอบในทางใดทางหนึ่ง ฐานนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ทำประชามติโดยไม่สามารถกำหนดสาระได้อย่างชัดเจน”นายชวนนท์ กล่าว
