รองนายกฯ แนะ แก้รธน.9ปม81มาตรา ในที่ประชุมพท.
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2555
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ได้ชี้แจงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ประชุมพรรคมีหลักการตรงกันว่าต้องแก้ไข ส่วนวิธีการยังไม่ตกผลึกว่าจะเป็นวิธีใด โดยตนได้อธิบายใช้เวลากว่า 40 นาที 9 ประเด็น 81 มาตรา และส่วนตัวไม่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 309 รวมทั้งไม่ยุ่งเกี่ยวหมวดสถาบัน ส่วนรายละเอียดของ 81 มาตรานั้น ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธที่จะเปิดเผย เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เห็นด้วยกับแนวคิดของตน หากพูดไปจะทำให้เกิดปัญหาได้
เมื่อถามว่า ส.ว.สรรหา ตั้งข้อสังเกตว่าสุดท้ายไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีความเห็นอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามประกาศิตดูไบ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ประกาศิต พูดแบบนั้นเกินไป แต่ในพรรคเพื่อไทยก็ต้องฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอย่าปฏิเสธความจริงเลย เพราะพรรคเพื่อไทยเอาเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณ ไปหาเสียงถึงได้ชนะเลือกตั้งมา และในวันนี้จะไม่ฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไปไม่ได้ ตนเป็นคนไม่โกหก ตรงไปตรงมา
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า แนวโน้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคนั้น ขณะนี้คือการทำประชามติ แต่การทำประชามตินั้นเป็นเรื่องยาก เพราะต้องใช้ 24.6 ล้านเสียง และตนก็พร้อมออกรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่ แต่หากทำประชามติไม่ผ่าน จะกลับมาแก้รายมาตราหรือไม่นั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะผิดวินัยพรรค ส่วนกรอบเวลาว่าพรรคจะได้ข้อยุติแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่นั้นบอกไม่ ได้ เพราะไม่มีอำนาจตัดสินใจ
เมื่อถามต่อว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าการแกไขรัฐธรรมนูญอาจจะจบได้เดือน ส.ค. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่มีใครรู้ ยังไม่นอนหลับจะรู้ว่าฝันเรื่องอะไร ฝนไม่ตกอย่าเพิ่งกางร่ม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการดำเนินการของรัฐบาลจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ราบ รื่นหรือไม่ เพราะเพิ่งเริ่มนับหนึ่ง
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ในวันที่ 28 ธ.ค. ตนจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย พร้อมกับผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และเลขาฯ ศอบต. เพื่อร่วมหารือการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่วนจะเป็นการหารือกับผู้นำประเทศมาเลเซียหรือไม่ และเรื่องที่จะหารือนั้นไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นความลับ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ จะแก้ในประเทศไม่ได้ต้องขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย อย่างไรก็ตาม การไปพบผู้นำประเทศมาเลเซียนั้นไม่ใช่เป็นการยกระดับความรุนแรงของปัญหาใน พื้นที่ภาคใต้ มีแต่จะลดระดับลงเท่านั้น เพราะเป็นการไปพบคนกันเอง.