ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




อภิสิทธิ์ แจงเลือก สุขุมพันธ์ุ เหตุมีประสบการณ์ทำงาน
อภิสิทธิ์ แจงเลือก สุขุมพันธ์ุ เหตุมีประสบการณ์ทำงาน
วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2555
 

           เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ บริเวณลานพระแม่ธรณีฯ กลุ่ม ส.ก.กทม.ทั้ง 46 คน รวมถึง ส.ข. และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ร่วม 200 คน ได้รวมตัวกันให้กำลังใจในการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั่งแถลงข่าวคู่กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีบรรดา ส.ก.กทม. ยืนอยู่ด้านหลัง ให้การสนับสนุนการเปิดตัวครั้งนี้

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม.จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 10 ม.ค. 2556 ทางพรรคจึงได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้แสดงเจตจำนงทั้ง 4 คน อย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ โดยดูจากรายงานสรุปของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ซึ่งทุกคนมีจุดเด่น มีแนวคิดที่ดีในการแก้ปัญหา เป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพฯ แต่พรรคประเมินว่า สภาวะปัจจุบันของ กทม. ต้องการคนทำงานต่อเนื่อง รู้ระบบงานดี ทำงานต่อได้ทันที มีประสบการณ์ทั้งด้านการเมืองและการบริหาร ที่สำคัญคือ กลไกที่ขับเคลื่อน กทม. มีความหลากหลาย ซับซ้อน และต่อเนื่อง สานงานเก่าต่องานใหม่ จึงเห็นว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ มีประสบการณ์ความรู้เข้าใจในปัญหา กทม.ดี

           อีกทั้งสามารถประสานงานทุกกลไกเพื่อแก้ปัญหา กทม. ทั้งกับฝ่ายข้าราชการประจำและสภา กทม. ที่สำคัญมีความลงตัว เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่เคยนำความขัดแย้งทางการเมืองมาปะปนกับการบริหารงานท้องถิ่น จึงเป็นจุดแข็งที่การบริหารงาน กทม. ให้ดีขึ้น เช่น การเปิดส่วนต่อขยายระบบขนส่งมวลชน งานด้านการศึกษาที่เริ่มโครงการอาหารเช้าและกลางวันให้เด็ก การสาธารณสุข การปรับปรุงระบบการให้บริการ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปรับปรุงภูมิทัศน์สนามหลวง ซึ่งมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ ที่ตำหนิวิจารณ์ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ก็น้อมรับที่จะนำไปทบทวนและปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนการวิจารณ์ในทางการเมืองก็ต้องชี้แจงตามความเป็นจริง ทาง กก.บห.พรรค จึงมีมติให้ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ เพราะบริหารความทุ่มเทและซื่อสัตย์สุจริต เพื่อรับใช้คน กทม.ต่อไป โดยพรรคได้มอบให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค เป็น ผอ.การเลือกตั้งครั้งนี้

           เมื่อถามว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการต่อสัญญาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันคน กทม.ได้ประโยชน์จากการลดภาระค่าโดยสารในอนาคต เปรียบเทียบได้ว่า ราคาจะถูกกว่าที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการ ที่หาเสียง 20 บาททุกสาย เมื่อไหร่จะทำ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. จะประสานกับพรรคมากขึ้นหลังจากที่พรรคได้แก้ข้อบังคับการจัดระบบการทำงานท้องถิ่นจะต้องทำรายงานต่อพรรคเป็นระยะมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งที่่ผ่านมาการบริหารของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นรัฐอิสระจากพรรคนั้น เป็นเพียงระยะห่างที่พรรคเปิดโอกาสให้บริหารเต็มที่ แต่หลังจากนี้พรรคจะติดตามการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.มากขึ้น หากได้รับเลือกตั้ง 

           เมื่อถามย้ำว่า เกรงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ จะเกิดอุบัติเหตุเรื่องคุณสมบัติในระหว่างทางหาเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ดูฤกษ์ยามแล้ว คงไม่มีอุบัติเหตุอย่างไร อีกทั้งการแจ้งข้อกล่าวหากับการชี้มูลความผิดมีความแตกต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างกรณี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ลาออกจากผู้ว่าฯ กทม.ทันทีที่ ป.ป.ช.ชี้มูล กรณีรถดับเพลิง ทั้งที่กฎหมายไม่ได้บังคับ ก็ถือเป็นสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง ที่พรรคตั้งไว้สูงกว่าพรรคการเมืองอื่น

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อถึงกรณีที่ผลสำรวจของนิด้าโพลระบุว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ มีคะแนนเป็นรองคู่แข่งว่า อยู่ที่ประชาชนเลือก แต่เราไม่ประมาท และรู้อยู่ว่าปัจจุบันมีการสร้างกระแสกันมาก แต่ผู้ว่าฯ กทม.และพรรคพร้อมที่จะแข่งขัน ผลโพลก็สลับไปมา เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ได้ผ่านบทพิสูจน์การทำงานมาแล้วว่าไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่ยึดประโยชน์คนกรุงเทพฯ เป็นสำคัญ เช่น กรณีปัญหาน้ำท่วม ก็ยืนหยัดในหลักการจนสามารถป้องกัน กทม.ชั้นในไม่ให้น้ำท่วมได้ ลดความเสียหายลงได้มาก แม้การเมืองจะเล่นแรง โดนหลายเรื่อง แต่ก็พร้อมน้อมรับการตรวจสอบ และเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ มีความตั้งใจทำงานให้ กทม. ซึ่งตนและม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ จะร่วมกันรณรงค์ให้คน กทม.เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อเข้าสู่สนามเลือตั้ง ก็ต้องนำเสนอนโยบายที่ดีที่จะทำให้ประชาชน และกล่าวในลักษณะตัดพ้อสื่อมวลชนว่า การบริหารที่สร้างผลงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อ แต่ถูกกล่าวหาเป็นการเมืองระดับชาติก็จะได้พื้นที่หน้าหนึ่ง จึงขอให้สื่อมวลชนเปิดพื้นที่ให้กับทาง กทม.ด้วย 

           จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอบคุณ กก.บห.พรรค และกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ที่ส่งตนลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยหนึ่ง เชื่อว่าเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของตนจะเดินหน้าต่อไป เพื่อรับใช้ชาว กทม.ในนามพรรค เพราะงาน กทม.หนักและซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แต่ตนมีความรู้งาน และ 4 ปีจากนี้ไปหากได้รับเลือกตั้งก็จะทำงานได้ดีกว่าเดิม จากประสบการณ์ที่มี โดยจะเน้นแก้ปัญหาจราจรติดขัด สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ชาว กทม.ดีขึ้น ให้กรุงเทพเป็นมหานครที่น่าอยู่ต่อไป

           ม.ร.ว.สุขุพันธ์ุ กล่าวต่อไปว่า ตนจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งโดยไม่ขอรักษาการ แต่ยังไม่สามารถระบุวันที่ได้ว่าเมื่อใด เพราะต้องดูฤกษ์ผานาที เพราะเกรงว่าจะสร้างความลำบากใจให้กับข้าราชการ กทม. และอยากให้การหาเสียงในการสมัครผู้ว่าฯ กทม. เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ถ้ายังรักษาการอยู่สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิด โดยตนจะทำวิธีเดียวกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ที่ส่งหนังสือแจ้งไปยัง รมว.มหาดไทย ว่าได้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ซึ่งจะมีผลทันที 

           “หลายคนถามผมว่าจะลาออกวันไหน ผมขอสงวนสงวนสิทธิ แต่ยืนยันไม่อยู่เต็มวาระ ขอดูฤกษ์ยามในการออกจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เพราะผมเป็นคนไทยที่เชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่ามีจริง จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังความเชื่อของตัวเอง ที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อในเรื่องนี้ และมั่นใจว่าการลงนามในสัญญาบีทีเอสถูกกฎหมาย จะไม่ซ้ำรอยกรณีรถดับเพลิงของนายอภิรักษ์ เพราะถ้ามีการกล่าวหาแล้วบอกว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด ถือว่าเป็นเรื่องที่ไร้สติสิ้นดี เพราะการกล่าวหากับคำพิพากษาต่างกัน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจะแจ้งข้อกล่าวหาเท่านั้น ผมย้ำว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย จึงมีความมั่นใจในเรื่องนี้” ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ กล่าว 

           ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า การยื่นหนังสือถึง รมว.มหาดไทย จะมีขึ้นในช่วงหลังปีใหม่ ก่อนวันที่ 10 ม.ค. 56 ที่ครบวาระของผู้ว่าฯ กทม.และไม่เป็นห่วงกรณีที่ดีเอสไอกำลังจะแจ้งข้อกล่าวหากับ 11 ผู้บริหาร กทม. ซึ่งรวมถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ด้วย ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการหาเสียง เพราะยอมรับการตรวจสอบ และพร้อมจะชี้แจงโดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข้อกล่าวหา ซึ่งผู้กล่าวหาก็ควรแสดงเอกสารให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ที่สำคัญคือตนยังไม่แน่ใจว่าดีเอสไอมีอำนาจในการดำเนินการกับผู้ว่าฯ ก ทม. หรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วดีเอสไออาจเลี่ยงแจ้งข้อกล่าวหาในฐานะส่วนตัวเหมือนกับที่ตนโดนมาแล้ว แต่ถ้าแจ้งข้อกล่าวหามา ก็พร้อมต่อสู้ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะกระทบคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกับถามย้อนผู้สื่อข่าวว่า รู้ได้อย่างไรว่า ผู้สมัครของอีกพรรคหนึ่งจะไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย และเราก็ไม่สามารถทราบด้วยว่า หากพรรคส่งคนอื่นลงจะไม่ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาอื่นอีก.







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน