"ดำรงค์ พิเดช" ชี้้ การโยกย้ายจนท.กรมอุทยานฯเละเทะ
นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การโยกย้ายที่เกิดขึ้นในกรมอุทยานฯ ถือว่าเละเทะมาก โดยเฉพาะการย้ายนายวิทยา หงส์เีวียงจันทร์ ผูอำนวยการสำนักอุทยานฯ กับนายไพศาล สถิตวิบูบย์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่า ไปเป็นผู้ตรวจราชการกรมอุทยานฯ ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะการย้ายข้าราชการระดับ 9 ไปเป็นผู้ตรวจจะต้องมีความผิดร้ายแรง มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาความผิด ถ้าปรากฎจึงสามารถย้ายได้ นอกจากนี้การย้ายนายเจริญ ใจชน เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ไปเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ทองผาภูมิ ทั้งที่นายเจริญถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าอุทยานฯเขาแหลม จ.กาญจนบุรี ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการนำเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 6 นายไปใช้งานส่วนตัว
ปลอดหนุนพงศพัศชิงผู้ว่ากทม.
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความชัดเจนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ว่า ถ้าคนกทม.ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่เหมือนเดิม น้ำก็อาจจะท่วม แต่ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย น้ำก็ไม่ท่วม รถไม่ติด ขโมยก็จะไม่มี ยาเสพติดก็ถูกปราบปราบ เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มีชื่อติดโผแคนดิเดตมาตั้งแต่ต้น แต่ท้ายสุดพรรคอาจเสนอชื่อพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.และเลขาธิการป.ป.ส. นายปลอดประสพ กล่าวว่า แม้จะมีชื่อตนมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นคนแรกที่พรรคพวกก็อออกมาสนับสนุน เห็นได้จากที่มีโพลเผยแพร่ผลสำรวจความเห็นเรื่องนี้ออกมา แต่รู้ตัวเองว่าไม่เหมาะแล้วเพราะแก่แล้ว คงไปเดินหาเสียงไม่ไว้ ขอช่วยคนอื่นดีกว่า ส่วนชื่อของพล.ต.อ.พงศพัศ ตนมองว่าชื่อที่มีการเปิดเผยทางสื่อขณะนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ดูดีที่สุด ทั้งเรื่องคุณวุฒิและวัยวุฒิ คุยกับสื่อรู้เรื่อง สนองตอบการทำงานของพรรคได้เป็นอย่างดี แต่พล.ต.อ.พงศพัศ จะตอบรับหรือไม่ตนไม่ทราบ
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ที่มองว่าพล.ต.อ.พงศพัศ ไม่คุ้นเคยกับส.ก.หรือส.ข.ของพรรค อาจมีปัญหาในการหาเสียงนั้น ตนเห็นว่าหากลงจริง พรรคก็ช่วยประคับประคองแน่นอน และประเมินส่วนตัวว่าถ้าพรรคส่งจริงก็น่าจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าเขาจะส่งใครลงแขงขัน และชนะไม่กี่แสนคะแนนเสียง
ปรีชา แฉ ขึ้นค่าเข้าอุทยาน รู้ทันนำเงินเที่ยวนอก
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2555ย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจงถึงนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ชะลอการจับกุมกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติฯ ชื่อดัง จำนวน 29 แห่ง ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมปรับในอัตราใหม่ในวันที่ 1 ม.ค. 2556 โดยชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท ออกไปไม่มีกำหนด โดยให้กลับไปใช้อัตราเดิม คือ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีมูลค่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ไม่เคยเชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาหารือ หรือวางแผนดำเนินการร่วมกันว่าจะขึ้นค่าธรรมเนียมอย่างไร หรือขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะได้มีกรอบในการวางแผนบริหารจัดการได้ถูกต้อง
“ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำตามอำเภอใจ รายได้จากอุทยานแห่งชาติฯ ที่ผ่านมาเคยนำมาดูแลปัญหาในอุทยานแห่งชาติฯ แต่ละแห่งหรือไม่ ทั้งในเรื่องห้องน้ำ ห้องสุขา หรือบ้านพักที่มีสภาพทรุดโทรม ควรนำเงินรายได้มาซ่อมบำรุง หรือปรับปรุงให้มีสภาพดีขึ้น ไม่ใช่นำเงินรายได้พากันไปท่องเที่ยวต่างประเทศ นี่คือปัญหา ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดคุยและร้องเรียนมาในกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภา เรื่องนี้มีการร้องเรียนเข้ามาซึ่งต้องสอบสวนแน่นอน ต้องทำตามกระบวนการทุกอย่าง ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง”
