กสทช แจ้งช่อง 3 ชี้แจงเหตุแบน เหนือเมฆ2
วันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2556 เวลา 14:26 น.
วันนี้ (5 ม.ค.) พลโท พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่รับผิดชอบด้านผังและเนื้อหารายการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ช่อง 3 หยุดออกอากาศละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” กลางอากาศว่า ในหลักการเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ถ้าปล่อยให้สื่อไปหารายได้เองผลคือ รายการที่ผลิตออกมาจะขึ้นอยู่กับเรื่องของการตลาดไม่อิงกับหลักการของปรัชญาและศาสนา เพราะไม่ได้เป็นเรื่องของการตลาด และเมื่อเทียบกับรายการที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอซึ่งมีรัฐสนับสนุนเรื่องของงบประมาณ ก็จะมีการทำเนื้อหารายการที่เหมาะสม ดังนั้นต้องมองหาจุดสมดุล
“วันนี้จะบอกว่าสื่อไม่รักชาติคงไม่ใช่ เพราะเมืองไทยเรามีหลักการแบบนี้ ซึ่งต้องมีการลงทุน ต้องหารายได้ และไม่มีอะไรเป็นของฟรี ซึ่งกรณีของละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” กสทช.ทำหน้าที่กำกับรายการและเนื้อหา โดยไม่มีระบบเซ็นเซอร์เนื้อหา ซึ่งการทำหน้าที่นี้ช่อง 3 ต้องแจ้งรายละเอียดผังรายการที่เปลี่ยนมา ให้ กสทช.ทราบโดยที่ในเนื้อหารายละเอียดต่างๆ ของรายการ ช่อง 3 ก็มีระบบตรวจสอบของเขาเอง เช่นกรณีไทยแลนด์ก๊อททาเล้นท์ ที่เปลือยอกวาดภาพ ช่อง 3ก็ยอมรับว่าเกิดการตรวจสอบที่ผิดพลาดและชี้แจงมายังกสทช. ดังนั้นเมื่อเคยเกิดความผิดพลาดยิ่งทำให้ช่อง 3ต้องระวังมากขึ้น ดังนั้นกรณีของละครเหนือเมฆ 2 ช่อง 3คงตรวจสอบแล้วว่าอาจผิดตามมาตรา 37 จึงสั่งให้หยุดการออกอากาศ ซึ่งเป็นการกำกับดูแลตัวเองของช่อง 3”
สำหรับมาตรา 37 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ออกอากาศเนื้อหารายการที่มีลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารหรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
ต่อข้อถามที่ว่ากระแสสังคมมองว่าละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เป็นละครน้ำดี ที่ไม่มีการใช้คำหยาบ หรือตบตี แต่กลับโดนแบน พลโทพีระพงษ์ กล่าวว่า ในเมื่อเราไม่เห็นเนื้อหาจริงๆ เราพูดไม่ได้ ซึ่งการถ่ายทอดละคร หรือศิลปะก็ต้องดูด้วยว่าไปกระทบกับใคร อาจเข้าข่ายละเมิด เรื่องที่ว่าดี เป็นเรื่องของอัตวิสัย ถ้าดีแล้วเข้าข่ายหมิ่นประมาทช่อง 3 ก็อาจมองว่าตัดออกดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงว่าผลกระทบจะก่อให้เกิดความขัดแย้งไหม
“ผมได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 แล้ว ซึ่งเขาบอกว่าเนื้อหาของละครขัดมาตรา 37 จึงต้องงดออกอากาศ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเนื้อหาตรงส่วนไหนขัดกับมาตรา ซึ่งในส่วนของละครเหนือเมฆ 2 ถ้ายังไม่ได้ออกอากาศหรือนำไปเผยแพร่ในสื่อ กสทช.ก็ไม่มีระบบที่จะไปขอตรวจเนื้อหา และการที่ช่อง 3 งดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 คิดว่าช่อง 3 คงพิจารณาดีแล้วว่าตัวเนื้อหาละครไม่เหมาะสม ซึ่งการที่จะให้ละครออกอากาศหรือไม่ก็แล้วแต่ความเห็นของช่อง 3 และช่อง 3 ก็มีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องเนื้อหาอยู่แล้ว”
พลโท พีระพงษ์ กล่าวว่า ตามอำนาจหน้าที่ของ กสทช. สิ่งที่ทำได้ คือ ถามไถ่และขอให้ ช่อง 3 ชี้แจงถึงสาเหตุของการงดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 มาที่กสทช. กรณีที่มีประชาชนที่เดือดร้อนจากการไม่ได้รับชมร้องเรียนเข้ามา ซึ่งการเปลี่ยนเรื่องละครที่จะออกอากาศ ช่อง 3 ได้แจ้งมาที่กสทช.แล้ว เป็นลักษณะของการเปลี่ยนเรื่องละครไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะรายการ
ต่อข้อถามที่ว่า ในฐานะของกสทช.ที่รับผิดชอบด้านผังและเนื้อหารายการ มีความคิดเห็นอย่างไรกับกรณีที่ช่อง 3 แบนละครเหนือเมฆ 2 พลโท พีระพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปรับตัวของสื่อ ซึ่งเกิดจากระบบตรวจสอบที่เคยผิดพลาดกรณีไทยแลนด์ก๊อททาเล้นท์ จึงทำให้ช่อง 3 มีการตรวจสอบที่เข้มงวด และตรวจสอบก่อนที่จะผิดพลาดอีก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำของช่อง 3 ขณะนี้คือ ต้องชี้แจงกับประชาชนว่าทำไมต้องจบละครเรื่องเหนือเมฆ2 เร็ว
“ผมมีคำถามว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัญหาที่ตัวบุคคล หรือเป็นปัญหาที่โครงสร้าง ถ้าปัญหาเกิดจากส่วนไหนก็ต้องไปแก้ไขที่ส่วนนั้น ซึ่งสังคมต้องมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปให้ได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าประเทศไทยควรทำละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง แต่ต้องเน้นให้คนเข้าใจที่ข้อเท็จจริง ไม่ใช่เน้นตัวบุคคล แต่ให้ชี้ไปที่โครงสร้างซึ่งปัญหาในเรื่องของโครงสร้างเป็นสิ่งที่เราต้องไปจับจ้อง และกรณีเหนือเมฆ 2 ที่งดออกอากาศ รัฐบาลไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง และไม่เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่งหรือกำกับสื่อแต่อย่างใด”
พลโท พีระพงษ์ กล่าวว่า กรณีช่อง 3 แบนละครเหนือเมฆ 2 ถ้าประชาชนพบว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากทำให้ขาดอรรถรสในการรับชมละครก็สามารถร้องเรียนมาที่กสทช.ได้ ที่เบอร์ 1200 ซึ่งกสทช.ก็จะทำหนังสือถึงช่อง 3 เพื่อให้ชี้แจงเหตุผลของการงดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 แต่ขณะนี้ยังไม่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามา
นอกจากนี้ เพื่อป้องกันปัญหาการนำเสนอเนื้อหาไม่เหมาะสม กสทช. อยู่ระหว่างจัดทำประกาศ เพื่อกำกับเนื้อหาเกี่ยวกับคำพูด เนื่องจากการพูดถ้าทำให้เกิดความแตกแยกทางสังคมก็ต้องดูแลให้ดี โดยในส่วนของรายการในทีวีไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ที่น่าห่วงคือเนื้อหาการพูดในรายการวิทยุชุมชนซึ่งการนำเสนอเนื้อหาที่พูดต้องไม่ทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนประกาศของคณะอนุกรรมการ คาดว่าในเดือนมี.ค.56จะสามารถเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะได้
เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 7 ม.ค.56 จะมีหนังสือคำสั่งไปถึงผู้บริหารช่อง 3 เพื่อขอให้ชี้แจงกรณีแบนละครเหนือเมฆ 2
