คดีต่อสัญญา"รถไฟฟ้า" ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ดมัดบิ๊กกทม.
พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าหนักงานสอบสวนคดีการทำสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ว่า วันที่ 7 มกราคม จะสอบถามไปยังผู้ถูกกล่าวหา ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกทั้ง11 ราย มีใครบ้างจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา และช่วงเวลาใดบ้าง รวมทั้งบุคคลใดบ้างที่จะขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าว อย่างไรก็ตาม การพิจารณาขอเลื่อนนัดพนักงานสอบสวน จะต้องมีเหตุผลเพียงพอและเหมาะสม ซึ่งดีเอสไอหารือกับอัยการในการพิจารณาอีกครั้ง
พ.ต.ท.ถวัลกล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนยังพบ กทม.เคยทำหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขออนุมัติ ในการทำสัญญาว่าจ้างบีทีเอสเดินรถในส่วนต่อขยายเส้นทางสะพานตากสิน ซึ่งสมัยนั้นนายชวรัตน์ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทางรัฐมนตรีส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา ซึ่งทาง ครม.สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งให้ไปดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน เพราะกรณีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องสัมปทาน ซึ่งทาง กทม.ได้รายงานกลับมายังกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างว่าบริษัท บีทีเอสไม่เห็นด้วยกับการร่วมลงทุนเพิ่มในส่วนต่อขยายดังกล่าว แต่ยินดีหากทาง กทม.จะทำเป็นสัญญาว่าจ้างเดินรถ หลังจากนั้น กทม.ได้ใช้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการของ กทม.2528 อ้างกฎหมายกระจายอำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดทำสัญญาว่าจ้างเดินรถให้เกิดขึ้นซึ่งทางกฎหมายส่งผลให้เห็นว่า กทม.มีเจตนาฝ่าฝืนทำผิดกฎหมาย
"ถ้า กทม.มั่นใจว่ากระทำได้ทันที ไม่ต้องให้รัฐมนตรีมหาดไทยพิจารณา ในปี 2553 ทำหนังสือมาถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทำไม พอมีการสั่งกลับไปดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอน ทาง กทม.กลับหลีกเลี่ยงอ้างใช้อำนาจกฎหมายของตนเองว่ากระทำได้ถ้ามั่นใจตั้งแต่แรกว่าว่ามีอำนาจโดยชอบ ทำไมไม่ดำเนินการตั้งแต่ต้น" พ.ต.ท.ถวัลกล่าว
