ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




คนละเรื่องเดียวกัน กรณีเหนือเมฆ2 กับปราสาทพระวิหาร

คนละเรื่องเดียวกัน กรณีเหนือเมฆ2 กับปราสาทพระวิหาร 

วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:40:49 น.



 
          กรณี ประสาทพระวิหาร ก็อีหรอบเดียวกันกับกรณี เหนือเมฆ 2 หากสรุปตามสำนวนปากที่นิยมกันก็เท่ากับ
เป็นคนละเรื่องเดียวกัน  นั่นก็คือ เป็นเรื่องที่ "คนอื่น" ทำ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ากระแสที่เรียกร้องให้รับผิดชอบก็ตกอยู่บนบ่าของรัฐบาล เป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
 
          กรณีของ เหนือเมฆ 2 หากประเมินผ่านคำแถลง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายจัดละคร ฝ่ายประชาสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งคนจากตระกูลมาลีนนท์เอง  ยอมรับว่าเป็นเรื่องของ ช่อง 3  เป็นช่อง 3 ต่างหากที่ประเมินแล้วเสนอให้ละคร เหนือเมฆ 2 ยุติลงก่อนถึงตอนยุติอย่างแท้จริง เหมือนกับที่เคยตัดสินใจต่อละครเรื่องพระเจ้าตากสินเมื่อหลายปีก่อน
 
          กรณีของปราสาทพระวิหารก็เป็นความต่อเนื่องจากความขัดแย้งอันเขม็งเกลียวแน่นในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่งเรื่องขึ้นถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องมาแบกรับ

 
         มีความพยายามจากพรรคประชาธิปัตย์ที่จะชี้ให้เห็นรากที่มาของปัญหาอันเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารว่า  เนื่องแต่แถลงกรณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2551 และเนื่องแต่ความสัมพันธ์ลักษณะพิเศษอันแนบแน่นเป็นอย่างยิ่งระหว่างสมเด็จฯฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นับแต่พรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมายังพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยในที่สุด
 
         แต่ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรเล่าทำให้กัมพูชานำเรื่องฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อตีความคำพิพากษา เมื่อปี 2505 อีกครั้งหนึ่ง เป็นเพราะแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2551 กระนั้นหรือเป็นเพราะรัฐบาลกัมพูชาเคยแต่งตั้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจกระนั้นหรือ มิใช่หรอก  
 
        เรื่องของเรื่องก็คือ นับแต่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิพากษา เมื่อปี 2505 รัฐบาลทุกรัฐบาลของไทยก็ยอมรับต่อคำพิพากษา และพยายามมิให้เกิดเรื่องบานปลายกระทั่งกลายเป็นเงื่อนไขไปสู่การตีความอีกครั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  มีก็แต่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ชาญฉลาดกลับทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น

 
        รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตระหนักในสภาวะ "เผือกร้อน" อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของคดีความในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนี้ จึงรับเรื่องมาอย่างรอบคอบ รัดกุม   ยังคงยืนตามหลักการที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กำหนดเอาไว้ครบถ้วน  แม้กระทั่งผู้รับผิดชอบและคณะทนายความแก้ต่างในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับจะ "ซื้อใจ" พรรคประชาธิปัตย์
 
        แต่การณ์ที่ปรากฏในเวลาต่อมาก็ยืนยันให้เห็นว่า พลันที่พลิกกลับมาเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ก็ลืมหมดว่าตนได้เคยกำหนดหลักการและเคยปฏิบัติอย่างไร  น้ำเสียงกลับไปใกล้เคียงกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยอัตโนมัติ  
 
         นั่่นก็คือ อาศัยการปลุกกระแสชาตินิยม "คลั่งชาติ" ขึ้นมา พุ่งปลายหอกเข้าใส่รัฐบาลเหมือนกับที่เคยโหมกระหน่ำเมื่อเดือนมิถุนายน 2551  ราวกับว่าจากเดือนธันวาคม 2551-เดือนกรกฎาคม 2554 ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

          เหมือนกับกรณีเหนือเมฆ 2 ซึ่งเป็นเรื่องในความรับผิดชอบของช่อง 3 โดยตรง แต่แบกหนักเหล่านี้กลับเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรับผิดชอบ  เป็นกรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  
 
          ไม่ว่ากรณีเหนือเมฆ 2 ไม่ว่ากรณีคดีความอันเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ล้วนประมาทมิได้เด็ดขาด  ประมาทมิได้เพราะว่าเรื่องทั้งหมดคนอื่นทำ เป็นภาระอันองค์กรอื่น รัฐบาลอื่นก่อขึ้น แต่ก็ผลักให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องมาแบก ต้องมารับผิดชอบ  เข้าทำนอง ดีเอาเข้าตัว ชั่วผลักให้คนอื่น







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน