รถคันแรกทะลุเป้า บ.ประกันขอขึ้นค่าเบี้ย10%
วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 08:42:50 น.
ยอดรถคันแรกทะลุเป้า ส่งให้ธุรกิจประกันภัยโต 15% ต่อเนื่องถึงปีหน้า ที่ต้องทยอยส่งมอบรถ พบอัตราส่วนสูญเสียกลับสูงกว่ารถทั่วไป 10% กระทบผลประกอบการธุรกิจประกันภัย เตรียมเสนอ คปภ.ปรับค่าเบี้ยประกันให้สอดคล้องค่าสินไหม ยันเพิ่มไม่มากเพียง 10%
นายจีระพันธุ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมวินาศภัย เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปี 2556 ว่า คาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% เหมือนกับปี 2555 ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ทำให้ยอดประกันภัยเติบโตขึ้นตามจำนวนรถคันแรกที่เข้าโครงการช่วงปลายปี 2555 ต่อเนื่องถึงปี 2556 เพราะยังมีรถในโครงการรถคันแรกบางส่วนที่ยังคงทะยอยส่งมอบกันอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2557 ด้วย
นายจีระพันธุ์กล่าวว่า เบี้ยประกันภัยในส่วนของรถคันแรกนั้น ถูกกำหนดให้ผูกพันตามทุนประกันและราคารถ จึงทำให้เบี้ยประกันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณคันละ 10,000-15,000 บาท ขณะที่รถรุ่นที่มีเครื่องยนต์สูงกว่า 1500 ซีซี เบี้ยประกันจะเฉลี่ยคันละ 20,000 บาทขึ้นไป แต่ยอมรับว่า อัตราส่วนค่าเสียหาย หรือ lost ratio ที่บริษัทประกันจะต้องจ่ายค่าสินไหม เพื่อซ่อมแซมรถยนต์นั้น ในส่วนของรถคันแรกอยู่ในอัตรา 70% สูงกว่ารถยนต์ทั่วไปที่มีอัตรา 60% ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทประกันภัย
นายจีระพันธุ์กล่าวต่อว่า สมาคมได้หารือในประเด็นดังกล่าว เพื่อนำเรื่องเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้พิจารณาปรับอัตราเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับอัตราค่าสินไหมที่เกิดจากการซ่อมแซม และจ่ายค่าอะไหล่ของรถยนต์ในแต่ละประเภท แทนการกำหนดอัตราเบี้ยตามราคารถ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทางสมาคมได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาในต่างประเทศให้ดำเนินการศึกษาและพบว่า น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
"หากมีการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันตามแนวทางที่สมาคมเสนอคาดว่า เบี้้ยประกันของรถประเภทรถซิตี้คาร์ หรือ รถคันแรก จะปรับเพิ่มประมาณ 10% ซึ่งจะทำให้เบี้ยประกันที่เคยจ่ายอยู่ที่ 13,000 บาท เพิ่มขึ้นมาเป็นเพียง 15,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าไม่มากนัก แต่ก็ยอมรับว่าขั้นตอนในการเสนอและกระบวนการในการตัดสินใจคงต้องใช้ระยะเวลา คงไม่ทันกับการส่งมอบรถคันแรกในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่เชื่อว่าหากได้รับการพิจารณาให้ปรับขึ้นก็คงมีผลในการต่อประกันภัยในปีถัดไป" นายจีระพันธุ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งกำหนดให้ประชาชนยื่นขอรับสิทธิได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 พบว่า มีรถยนต์เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านคัน คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 9.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการว่า จะมีรถเข้าโครงการเพียง 5 แสนคัน คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
