หอบ 2 ล้าน ท้าเปิดหลักฐานแย้ง 6 ข้อพระวิหาร
วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2556 เวลา 18:40 น.
.jpg)
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตามที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ากัมพูชาใช้แผน 5 ขั้น เพื่อฮุบที่ดินเข้าพระวิหารและพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.นั้นนายชวนนท์เคยเข้าไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรู้ว่าประสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลกตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ดังนั้นประเด็น คือทำอย่างไรจึงจะปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.เอาไว้ ทั้งนี้ อุปมาอุปมัยคือเรื่องนี้มีศาลพระภูมิและสนามหญ้า ตัวประสาทพระวิหารเปรียบเสมือนศาลพระภูมินั้นเป็นของกัมพูชาตั้งเมื่อ 50 ปีมาแล้ว แต่พื้นที่ทับซ้อนเปรียบเสมือนสนามหญ้า ซึ่งต่างคนก็อ้างสิทธิ์ ซึ่งในช่วงรัฐบาล คมช. กัมพูชาได้เอาทั้งศาลพระภูมิและสนามหญ้าไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่รัฐบาลพลังประชาชนยุคนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีได้เจรจากับกัมพูชาสำเร็จ จนกัมพูชายอมตัดสนามหญ้าหรือพื้นที่ทับซ้อนออกและขึ้นทะเบียนตัวประสาทพระวิหารเท่านั้น ดังนั้นคำแถลงการณ์ร่วมจึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะทำให้กัมพูชายอมรับเป็นครั้งแรกว่ามีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ และไม่นำไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
“แต่น่าเสียดายที่ศาลตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะ ทำให้ทั้งไทยและกัมพูชาไม่สามารถอ้างประโยชน์ใดๆ จากแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว หากมีการปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมก็จะมีข้อดี คือจะไม่มีการสู้รบตามแนวชายแดน จะทำการค้าขายได้ตามปกติ และสถานการณ์จะไม่บานปลายจนกระทั่งกรณีพิพาทไทย – กัมพูชา ถูกดึงเข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จนทำให้กัมพูชาต้องยื่นตีความตามคำตัดสินของศาลโลก ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องระมัดระวังในการแสดงท่าทีต่างๆ เพราะคดีความในศาลโลกยังไม่มีการตัดสินและอาจส่งผลต่อคดีได้ หากพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ควรมอบให้รัฐบาลเพื่อช่วยกันสู้คดีในศาลโลกจะดีกว่า” นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวอีกว่า เรื่องประสาทพระวิหารนั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ 6 ข้อที่คนไทยควรรู้ คือ 1.ในปี 2505 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมทนายที่ว่าความในคดีที่ศาลโลกตัดสินว่าประสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว 2.ปี 2553 กัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี 3.ปี 2543 พรรคประชาธิปัตย์จัดทำเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ระวาง 1 : 200000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย – กัมพูชา ทั้งๆ ที่ศาลโลกใช้แผนที่มาตราส่วนดังกล่าวตัดสินให้ไทยแพ้คดี และต้องยกประสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลกเมื่อ 50 ปีก่อน
นายนพดล กล่าวต่อว่า 4.ปี 2551 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรก ที่แต่งตั้งคนที่ด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็นกุ๊ย มาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งผิดธรรมเนียมทางการทูตอย่างแรง 5.ปี 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อเรื่องรุกล้ำดินแดนกัมพูชา จนทำให้มีคนไทยถูกจับกุมไปขังคุกเขมรตามแนวชายแดน และสร้างความตึงเตรียดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา และ 6.ปี 2556 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก ที่จะทำให้ออกจากโลกอารยะ ทั้งนี้ หากใครสามารถหาเอกสารหลักฐานมายืนยันว่าทั้ง 6 ข้อเป็นความเท็จในสาระสำคัญ จะยอมบริจาคเงิน 1 ล้านบาทให้คนที่มีหลักฐาน และหากใครนำมาหลักฐานยื่นภายใน 24 ชั่วโมงนี้ ตนจะมอบให้อีก 1 ล้านบาท
