ต้นหมุย เป็นพืชก้ำกึ่งระหว่างผักและพืชสวน เนื่องจากลำต้นเป็นไม้ยืนต้นสูงพอสมควรหากมีสภาพดินดีขณะที่ยอดนำมากินเป็นผักได้ ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้จะรู้จักพืชชนิดนี้ดีเพราะเป็นที่นิยมนำยอดมากินแกล้มขนมจีนและน้ำบูดู
อดีตมีขึ้นโดยทั่วไปตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเนื่องจากพื้นที่ธรรมชาติลดน้อยลงทำให้ต้นหมุยลดน้อยลงไปด้วย จึงต้องมีการขยายพันธุ์ด้วยการนำเมล็ดมาเพาะแล้วปลูกในพื้นที่สวน
หมุยเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงกลาง สูงประมาณ 3 เมตร แตกก้านใบจากกิ่ง เป็นใบคู่ขนานไปจนตลอดก้าน ใบมีขนาดประมาณ 1.5x5 ซม. มีดอกเล็กออกเป็นช่อ สีขาว ปกติดอกจะออกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม ใบและดอกมีรสขมและกลิ่นเฉพาะตัว ยอดอ่อนและดอกรับประทานเป็นผักได้
จากลักษณะของการแตกใบและรูปทรงของต้นแบบพุ่ม หลายท่านจึงนำมาปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับในพื้นที่สวนหย่อมบริเวณบ้าน บ้างก็นำมาปลูกในกระถางเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายจุดวางตามที่ต้องการเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ ขณะที่ยอดอ่อนก็เด็ดมากินแกล้มกับน้ำยาขนมจีนและน้ำพริกสูตรต่าง ๆ ได้อีกทางหนึ่ง
การปลูกหมุยในกระถางนั้นด้วยเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงเต็มที่ประมาณ 3 เมตร จึงควรใช้กระถางที่โตนิดหนึ่ง นำกิ่งไม้และเศษใบไม้แห้งรองก้นกระถาง ตามด้วยดินปลูกที่มีส่วนผสมของปุ๋ยคอกประเภทมูลวัวและขุยมะพร้าวใส่ลงไปประมาณครึ่งหนึ่งของกระถาง นำต้นพันธุ์หมุยลงปลูกซึ่งต้นพันธุ์นั้นสามารถขยายพันธุ์มาได้หลายวิธีอาทิ เพาะจากเมล็ด ปักชำและตอนกิ่ง ฉีกถุงวัสดุเพาะออกกลบดินปลูกที่มีส่วนผสมแบบเดิมจนมิดโคน กดเบา ๆ แต่เพียงพอดินแน่นคลุมโคนด้วยแกลบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ช่วงแรกประมาณ 1-2 อาทิตย์วางไว้ในที่มีแสงแดดรำไร หรือบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ รดน้ำให้ชุ่มทุกวันเช้าเย็น สังเกตหมุยจะแตกยอดอ่อนออกมาเปลือกลำต้นเริ่มสีเทาคล้ายต้นส้มโอ ลักษณะยอดและใบอ่อนคล้ายกับมะกอก ผิวใบจะเกลี้ยงเป็นมัน ก็สามารถนำออกมาวางในพื้นที่ต้องการเพื่อการประดับได้
หมุยให้ดอกที่แลดูสายงามตามธรรมชาติ ดอกจะออกเป็นช่อตามปลายกิ่งขนาดเล็กประมาณ 1.5 ซม. สีเทาอ่อน เมื่อเป็นผลแก่และสุกจะสีชมพู รับประทานได้มีรสหวานเล็กน้อย คนไทยสมัยโบราณจะใช้รากของหมุยฝนผสมกับเหล้าขาว 35 ดีกรีพอกแผลที่ถูกงูกัดเพื่อลดความเจ็บปวด บางพื้นที่ก็ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ปวดท้องจุกเสียด โดยใช้ใบและรากต้มกับน้ำสะอาดดื่ม
ยอดหมุยเป็นผักที่มีเส้นใย 14.2 กรัมเอื้อต่อการขับถ่าย ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ส่งผลให้ลดระดับการใช้อินซูลิน นอกจากนี้ใยอาหารบางชนิด ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และมีโปรตีน แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ และวิตามินซีอีกด้วย