ตีเส้นจราจรแปลกใหม่...กระแทกใจ-สะกิดจิตสำนึก

วันอังคาร 20 มกราคม 2558 เวลา 08:00 น. 

สัปดาห์ก่อนกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพิ่งตี “เส้นซิกแซก” ก่อนถึงทางม้าลายบนถนนดินสอ หน้าศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) และถนนอโศกมนตรี สร้างความฮือฮากันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ล่าสุดยังผุดเครื่องหมายจราจรแบบใหม่เป็นรูป “สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด” พื้นสีเขียวกรอบสีขาว บนถนนดินสออีก ทำเอาผู้คนต่างตื่นเต้นกันอีกรอบ

ไอเดียระเบิดระเบ้อที่กทม.งัดมาใช้ในครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ ที่โชเฟอร์รถบรรทุกฝ่าไฟเขียวบนทางม้าลายถนนอโศกมนตรี พุ่งชนร่างพนักงานสาวเครือแกรมมี่จนเสียชีวิตอย่างสยอง และอีกหลายเหตุการณ์ที่ซ้ำรอย เพราะผู้ขับขี่ขาดจิตสำนึกในการรักษาวินัยจราจร จนโลกไซเบอร์แชร์กันสนั่น พร้อมกระพือปัญหาให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

“สุธน อาณากุล” ผู้อำนวยการสำนักงานวิศวกรรมจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กทม.อธิบายว่า เครื่องหมาย “ข้าวหลามตัด” กทม.ออกแบบใหม่ โดยดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์ที่ใช้ในช่องทางจักรยานพื้นที่รัตนโกสินทร์ เพื่อให้เป็นเส้นทางที่รถมวลชน (รถเมล์-แท็กซี่-รถส่วนตัวที่มีคนนั่งเกิน 3 คน) และรถจักรยาน ร่วมกันใช้ถนน อยู่ในช่วงทดลองตีเส้น ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะจะเพิ่มรูปรถจักรยานเข้าไปด้วย เพื่อให้ผู้ขับรถรับรู้ว่า ถนนสายนี้มีรถจักรยานร่วมใช้ทาง ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นและกำลังพิจารณาว่า จะตีเครื่องหมายนี้ในเส้นทางอื่นใดอีกบ้าง แต่จะเน้นถนนที่มีช่องจราจรกว้างพอพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่และนักปั่นสองล้อเข้าใจกันต่อไป

“สุธน” บอกอีกว่า ส่วน “เส้นซิกแซก” นั้น จะตีเพิ่มบนถนนศรีนครินทร์ หน้าห้างสรรพสินค้าธัญญะพาร์ค ซึ่งมีสถิติอุบัติเหตุสูง พร้อมประสานตำรวจ กำหนดความเร็วรถจาก 80 กม.ต่อชม.ให้เหลือ 50 กม.ต่อชม. ช่วงก่อนเข้าทางม้าลาย ควบคู่กับการผุดมาตรการเสริมอื่นๆ ที่เน้นความปลอดภัยแก่คนเดินเท้า โดยได้ไอเดียมาจากหลายประเทศ อาทิ สิงค์โปร์ อังกฤษ และประเทศแถบยุโรป ที่เป็นสัญลักษณ์สากล ใช้กันแพร่หลาย ซึ่งตีเส้นซิกแซกก่อนถึงทางม้าลายราว 15-30 เมตร ใช้งบจุดละประมาณ 8,000 บาท เมื่อผู้ขับขี่เห็นเส้นซิกแซก จะช่วยให้การขับรถชะงักและชะลอความเร็วลง หรือหยุดรถให้คนข้ามถนนได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ในประเทศไทยต้องรอประเมินว่า ประชาชนขานรับและได้ผลเหมือนต่างประเทศหรือไม่ หากเป็นไปตามเป้าหมาย จะขยายไปทำในจุดที่มีทางม้าลายทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งติดตั้งไฟกระพริบและสัญญาณไฟปุ่มกดแล้ว 936 แห่ง แยกเป็นไฟกระพริบ 720 แห่ง อีก 216 แห่งใช้ไฟปุ่มกด ทั้งนี้ไม่ได้รวมทางข้ามที่ไม่ได้ติดไฟจราจร เพราะหากรวมแล้ว จะมีกว่าพันแห่ง

“พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์” รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กล่าวเสริมว่า การที่กทม.ออกแบบใหม่ เติมสีเขียวในรูปสี่เหลี่ยม และให้จักรยานใช้เส้นทางร่วมด้วยนั้น กทม.ทำได้ เพราะมีอำนาจในมืออยู่แล้ว ส่วนการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนไม่ข้ามถนนในทางม้าลาย หรือสะพานคนข้าม ปรับไม่เกิน 200 บาท หรือกรณีคนขับไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยตำรวจจะกวดขันจริงจังต่อไป

ขณะที่ “พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ดูแลงานจราจร กล่าวทำนองเดียวกันกับกทม.ว่า เส้นซิกแซกเป็นแนวคิดการลดอุบัติเหตุที่ใช้กันเป็นสากล ในต่างประเทศให้ผู้ขับขี่ชะลอรถ เพราะรู้สึกว่าช่องจราจรมีขนาดแคบลง หากได้ผลดีในอนาคต จะพิจารณาให้เส้นซิกแซกเป็นเครื่องหมายจราจรอีกรูปแบบหนึ่งในพ.ร.บ.จราจรทางบก นอกเหนือจากเส้นปะเส้นทึบและทางม้าลายที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งให้ปรับเปลี่ยนการติดตั้งป้ายสัญลักษณ์จราจรป้ายเตือนต่างๆ บนผิวจราจร แทนติดข้างถนน เพราะผู้ใช้ทางมองเห็นชัดเจนกว่า

ไอเดียเก๋ๆแบบนี้...แม้คนไทยจะมีจุดเด่นและข้อดีหลายอย่าง ที่หลายชาติเทียบไม่ได้ แต่คงไม่มีใครปฎิเสธว่า นิสัยบางอย่างของคนไทย อาทิ เรื่องความมักง่าย ยึดคติผิดๆ ที่ว่า“ทำได้ตามใจ คือไทยแท้” ขาดวินัย ไม่เคารพกฎกติกา....ก็ยังฝังรากลึกอยู่

ประกอบกับสังคมยุคใหม่ ที่แก่งแย่งชิงดีดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ กลายเป็นความเห็นแก่ตัว ทำให้น้ำใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหือดหายไปจากสังคมไทยลงทุกที ยิ่งมาเจอผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ถือกฎหมายในมือ แต่ไม่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ปล่อยปละละเลย บ้างก็อ้างว่ากำลังตำรวจไม่พอ ต้องเอาไปไล่จับผู้ร้าย ใส่ใจปัญหาอาชญากรรมที่สำคัญกว่า ทำให้จำนวนคนมักง่ายในสังคมเพิ่มขึ้น เพราะคิดแค่ว่า มัวแต่รักษาวินัยหยุดรถให้คนข้าม ทำให้เสียเวลากันพอดี ทั้งที่หลายคนเมื่อไปต่างประเทศ กลับปฎิบัติตามกฎกติกาบ้านเมืองเขาอย่างเคร่งครัด แต่พอกลับมาบ้านเกิดตัวเอง ก็ทำตามใจตัวเองซะงั้น

กลายเป็นพวกจิตสำนึกไม่คงที่!!!

การใช้เครื่องมือจราจรรูปแบบใหม่ๆ มากระแทกความสนใจของผู้คน ในทางจิตวิทยาถือว่าได้ผลเต็มๆ เพราะช่วยกระตุก กระตุ้นและสะกิดจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนได้ยั้งคิด ถึงการรักษาวินัยจราจร มีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมทาง ที่สำคัญจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีในการบ่มเพาะและสร้างจิตสำนึกแก่เด็กๆ และเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติ

เพราะหากขาดซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว ต่อให้ผุดอีกสารพัดเครื่องหมายจราจร แปลกๆ ใหม่ๆ ก็คงไร้ผล!!!

โดย www.legendnews.net

แหล่งข่าว:เดลินิวส์