วันนี้เราก็จะได้รู้ผลว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะถอดถอน“อดีตนายกฯหญิง”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปมปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิชอดีตประธานวุฒิสภาปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. หรือไม่

หากจะโฟกัสที่การถอดถอน “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ฝ่ายตรงข้าม และ พวกเดียวกันเอง จะพูดในคีย์เดียวกันว่า “รอดยาก” จังหวะจะโคนในประเด็นต่อเนื่องก็ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นยาก

เพราะเมื่อใกล้วันที่ สนช. จะฟันธงปมถอดถอนก็เกิดปรากฏการณ์ ทั้ง กระทรวงพาณิชย์ เข้าแจ้งความกับกองปราบฯ เพื่อดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าว การที่ ป.ป.ช.ลงมติฟันคดีทุจริตปมระบายข้าวแบบจีทูจี ชี้มูลความผิดอดีตรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ไปแล้ว แม้จะมีคำอธิบายว่า กระบวนการที่ว่าเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ใช่สร้างกระแสให้สอดรับการลงมติในวันนี้ก็ตาม

อย่าง“นายกฯ ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยออกตัวว่าอย่าเอาเรื่องที่ กระทรวงพาณิชย์แจ้งความกองปราบฯ มาโยงกับการถอดถอน หนำซ้ำยังย้ำหลายครั้งที่มีโอกาสว่าใครทำผิดก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ การทำผิดกฎหมายจะปรองดองได้หรือไม่ ทุกคนก็รู้ดี ถ้าอย่างนั้นคนฆ่าคนตาย คดโกง ทุจริต ต้องปรองดองหมดอย่างนั้นหรือ

แต่เหมือนเหตุผลต่าง ๆ จะฟังไม่ขึ้นสำหรับซีกที่สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง“นายก่อแก้ว พิกุลทอง”ก็พูดไว้ชัดว่า“ถ้า สนช.โหวตถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ประเทศไทยต้องเอาคำว่า ปรองดองเก็บใส่หีบเหล็กล็อกกุญแจกาลเวลา ชาติหน้าจึงเปิดมาใช้ได้ ชาตินี้ขอพอกันที ไม่ใช่ว่าจะเอาคำว่าปรองดองมาขวางกั้นการทำหน้าที่ของ สนช. เพราะไม่ว่าจะมองมิติไหนล้วนแต่ไม่มีเหตุผลในการถอดถอนทั้ง3ท่านทั้งสิ้น”

“การปรองดองของคนในชาติ”เป็นโจทย์สำคัญที่“คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”ต้องการเข้ามาแก้ไข แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นปัญหามากว่า10ปี ตอนนี้คนที่สนับสนุน“พรรคเพื่อไทย”ซึ่งหมายรวมถึงคนเสื้อแดงที่“นายก่อแก้ว”เป็นแกนนำ ก็มีไม่น้อย หากแกนนำพูดเช่นนี้ รัฐบาล คสช. คงต้องคิดหนัก

หลักการของ’นายกฯ ตู่“ที่ไม่เอาเรื่องทุจริตมายุ่งเกี่ยวกับการปรองดองนั้นถูกต้องที่สุด เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายขื่อแป คนทำผิดต้องรับโทษ

ตรงนี้ “นายจาตุรนต์ ฉายแสง” อดีต รมว.ศึกษาฯ คีย์แมน อีกคนของพรรคเพื่อไทย ก็มีความเห็นในทิศทางเดียวกันเพราะได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า“การปรองดองไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่ลงโทษคนผิด เพียงแต่การลงโทษนั้นต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่ใช่ทำกันตามอำเภอใจ ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์อย่างที่ทำกันอยู่”

โจทย์สำคัญคงอยู่ที่วิธีการพิจารณาโทษนั้น จะได้รับการยอม รับของประชาชนทั้งประเทศหรือไม่ต่างหากสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไร สนช. ต้องชี้แจงสังคมให้ได้เพราะการจะปรองดองได้ ต้องเกิดขึ้นจากความไว้ใจของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม

ดังนั้นก่อนการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ คสช. สนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ต้องทำให้ประชาชนไว้ใจให้ได้ก่อน.

แหล่งข่าว:เดลินิวส์